นิยามความรัก

จะเขียนหนังสือเกี่ยวกับความรัก สิ่งที่ขาดไม่ได้ น่าจะเป็นการทำความเข้าใจคำว่า “รัก” ให้ถ่องแท้เสียก่อน 

เปรียบเหมือนนักเดินทาง ถ้าจะเดินทางก็ต้องรู้ว่ากำลังหาอะไร เพื่อที่จะได้กำหนดเส้นทางไปถูก

จากการเฝ้าสังเกตเจ้าสิ่งที่เราเรียกว่า รัก มาหลายปี ดูจากทั้งคนอื่นและตัวเอง หญิงเห็นว่าความรักมันเป็นอย่างนี้ค่ะ 
ความรักเป็นสิ่งที่หลายคนเฝ้าตามหามัน หรือรอว่าเมื่อไหร่มันจะมาเจอเราเสียทีนะ ^^
ตอนตามหา เราไม่รู้ว่ามันคืออะไร จนมีคนๆ หนึ่งเดินเข้ามาในชีวิต 
เมื่ออยู่กับคนๆนั้นแล้วเรารู้สึกมีความสุข เราก็คิดว่า ความสุขนั้นคือความรัก
ต่อมาเมื่อเรามีทุกข์ เราก็รู้สึกว่าความทุกข์นั้นคือความรัก
ไม่รวมจิปาถะบะเตง ที่ว่า ถ้ารักก็ต้องยอมสิ ถ้าไม่รักก็คงไม่หวง และอื่นๆ
ใครประสบกับชีวิตแบบใดก็ คิดๆและให้ความหมายกันไปเองว่า ความรักคือสิ่งนั้นสิ่งนี้ 
โดยที่ความรักมันก็ไม่เคยออกมาประกาศให้ใครรู้ว่า มันคืออะไร แต่ความรักกลับตกเป็นจำเลย หรือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่สามารถกำหนดชีวิตเราให้ทุกข์หรือสุขไปได้

หญิงจึงมักจะเปรียบความรักว่ามันเหมือนน้ำในแก้วน้ำใส ๆ ใครเห็นความรักเป็นสีชมพู สีดำ สีอะไร ก็หยดสีลงไป แล้วก็บอกว่า “นี่คือความรัก” 
นิยามความรักของคนเป็นล้านจึงแตกต่างกันด้วยประการฉะนี้ แถมต่อให้เป็นคนเดียวกัน แต่ต่างช่วงเวลา ก็อาจให้นิยามความรักเปลี่ยนไปได้ ไม่ต้องรอเป็นหลายสิบปี บางทีเช้านี้ แฟนทำตัวน่ารัก ความรักเราก็คือการเอาใจใส่ เป็นสีชมพู ตกเย็นแฟนหนีเที่ยว กลับบ้านดึก ความรักก็กลายเป็นความห่วง โกรธ ถ้าไม่รัก ไม่สนใจหรอกนะ กลายเป็นสีดำไปละ 

แล้วที่จริงความรักคืออะไรกันแน่?

สำหรับหญิงขอแนะนำให้มองความรักแบบนี้ก็แล้วกัน
จะบอกว่าที่จริงเราไม่ได้ต้องการความรักหรอกเชื่อไหม
คนทุกคน ไม่ว่าจะทำอะไร ก็ต้องการทำไปเพื่อต้องการมีความสุขเท่านั้น
ถ้ามีความรักแล้วมีทุกข์ล้วน ๆ อย่างเดียว เราคงไม่อยากมี ถ้ามีทั้งทุกข์และสุขปนกัน เราก็หยวนๆ ส่วนใหญ่ ทั้งที่อยากมีความสุขนั่นแหละ แต่ก็เข้าใจว่า มีรักแล้วก็ต้องมีทั้งสุขและทุกข์ เลยกลายเป็นว่า ถ้าอยากมีความสุข ก็ต้องยอมเอาทุกข์มาแลก 

แต่ที่จริงแล้ว หญิงกลับมองว่าความรักกับความทุกข์ เป็นคนละส่วนกัน ถ้าเรารู้จักเหตุแห่งสุขและทุกข์ดีพอ เราก็สามารถรักไปพร้อม ๆ กับการมีความสุขไปด้วยได้

เพราะรักนั้นคือการให้ ... :)


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.