คนเรามีแฟนไปเพื่ออะไร

couple10บางส่วนจากงานบรรยาย กุญแจสู่รักแม้ค่ะ (บางส่วนเคยเอามาลงแล้ว แต่จัดระบบและรวบรวมใหม่ค่ะ :)

คนเรามีแฟนไปเพื่ออะไร

คำตอบนี้กว้างมากนะครับ ขึ้นอยู่กับแต่ละคน แต่ละคนไม่เหมือนกัน อย่างพี่นี่มีแฟนด้วยเจตนาที่จะพัฒนาตนเอง พูดจากข้อมูลที่เคยเห็นมาจากการช่วยคนมา300กว่าคนแล้วกัน คือบางคนก็มีแฟนเพราะกรรมเก่า เค้าเคยได้ไปอธิษฐานร่วมกันไว้แล้วเค้าก็เลยมาเจอกัน บางคนก็อยากมีเพราะเหงา แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นไม่ว่าเค้าจะเหงายังไงก็ตาม เค้าก็จะหนีไม่พ้นสิ่งที่เค้าทำไว้คือ คู่ที่เค้าจะได้มันก็จะเป็นไปตามเหตุที่เค้าสร้างไว้

สิ่งที่เราควรจะทำก็คือ ให้เรายอมรับเหตุที่เราสร้างไว้ แล้วยิ่งเราเปลี่ยนแปลงนิสัยตนเอง ไปสร้างแต่เหตุที่ดีๆ เหตุที่มันทำให้คนอื่นมีความสุขมากยิ่งขึ้นเท่าไหร่ ชีวิตเราก็จะดีขึ้นเรื่อยๆ ไปตามนิสัยที่เราเปลี่ยนไปในทางดี

ญ: อันนี้น่าสนใจน่ะค่ะ น้องๆแต่ละคน เวลาคบแฟนแต่ละคน  ได้เคยลองถามตัวเองหรือเปล่าว่าเราได้เรียนรู้อะไร

คือบางคนอาจจะไม่ต้องการมีแฟนเพราะต้องการมีความสุขไปวันๆ ต้องคิดถึงอนาคต เราต้องการบอกน้องถึงวิธีการมีความรักที่มีความสุข เลือกคนที่ใช่ที่จะอยู่กับเราได้ตลอดไปนานๆ เพราะฉะนั้น ก็สำคัญที่ว่า น้องคบแฟนแต่ละคนแล้วน้องได้เรียนรู้อะไร เพื่อที่จะ อาจจะเป็นวิธีการในการคบคนต่อไปว่าคนแบบนี้ นำความเดือดร้อนมาให้ คบแล้วไม่มีความสุข คนต่อไปเราก็ไม่เลือกแบบนี้ หรือเราทำตัวแบบนี้ทำให้ชีวิตคู่มีปัญหา รักแบบนี้ไม่ถูก ต่อไปจะไม่ทำอีก ให้สิ่งที่เราเจอทุกอย่างเป็นบทเรียน

ที่นี้มาถามพี่โจ้บ้างดีกว่า พี่โจ้มีแฟนมาแล้ว 5 คน พี่โจ้เรียนรู้เส้นทางนี้ได้ยังไง ต้องบอกก่อนน่ะค่ะว่าปัจจุบันพี่โจ้ก็มีแฟนน่ารัก สวย เป็นคุณหมอ เป็นไงบ้างค่ะชีวิตคู่

พี่โจ้: แฮปปี้มาก คืออย่างที่เกริ่นในตอนต้นนะครับ คือเป็นคนที่แค่นึกถึงก็มีความสุขแล้ว แล้วก็เราพร้อมจะทำอะไรให้เค้าได้อย่างเต็มอกเต็มใจ ไม่มีการต้องฝืน ต้องเปลี่ยนตัวเอง ยกตัวอย่างในวาระที่เราเหนื่อยมากที่สุดแล้ว แล้วเรารู้ว่าเค้ากำลังลำบากเดือดร้อน บางทีเราเหนื่อยหมดแรงหลับไปแล้ว ถ้ารู้ว่าเค้าเดือดร้อนปุ๊บ มันจะกระเด้งขึ้นมาแล้วก็ไปช่วยเค้าได้อย่างเต็มอกเต็มใจ โดยไม่ได้รู้สึกว่านี่เป็นภาระใดๆเลย อันนี้แหละครับที่อยากให้น้องทุกคนได้สัมผัสประสบการณ์แบบนี้

ญ: อยากให้พี่โจ้เล่าเรื่องตัวเองนิดนึงค่ะ พี่โจ้มาเจอคนที่อยู่ด้วยกันอย่างมีความสุขไม่สร้างทุกข์ ได้ยังไง เริ่มยังไง ตั้งแต่แรกเลย มีเรื่องอธิษฐาน ไปขอศาลพระภูมิ ได้มั๊ย เล่านิดนึงว่ามายังไง หรือว่าพัฒนาตัวเองมายังไง ถึงมาเจอคนนี้ได้ค่ะ

พี่โจ้: เรื่องอาจฟังดูแปลกนิดหน่อยนะครับ แต่เป็นหนทางที่เดินมา แล้วก็มาถึงตรงนี้จริงๆ  คือพี่เริ่มต้นด้วยการอธิษฐานจิตครับ คือเพียงแค่เราพยายามทำใจให้สงบในช่วงเวลาสั้นๆเอง เป็นเรื่องง่ายๆ ใช้เวลาแค่สองสามนาทีเท่านั้นเองครับ คือเริ่มจากการดูลมหายใจ อย่างที่บอกน้องไปเมื่อก่อนหน้านี้นะครับ จนกระทั่งใจเรารู้สึกนิ่งพอสมควรแล้ว เราก็ทำตัวเหมือนเป็นเครื่องส่งที่แรงที่สุด ประกาศออกไปทั่วทั้งจักรวาลเลยว่า เราต้องการจะมีคู่ที่เหมาะสมกับเรา เหมาะสมกับตัวเรา คือเบื่อการไปตระเวนหาน่ะครับ ไม่อยากจะวิ่งหาว่าใครเหมาะหรือไม่เหมาะกับเรา คืออธิษฐานว่าเราต้องการเจอเนื้อคู่ที่เหมาะสม แล้วก็เจริญเติบโต เปลี่ยนแปลงไปพร้อมๆกันกับเรา ไม่อยากจะไปวิ่งหาแล้ว

พอใจเรานิ่งแล้ว เราแค่บอกตัวเองเท่านั้นนะครับ ว่าขอคู่ เนื้อคู่ที่เหมาะสม เจริญเติบโตไปพร้อมๆกันกับเรา แน่นอนคำอธิษฐานนี้เราได้ยินเป็นคนแรก และการที่เราตั้งเป้ากับตัวเองไว้แบบนี้  ในที่สุดจะนำมาซึ่งงาน คำว่างานก็คือเราจะได้ไปเจอคนที่มีความทุกข์เรื่องความรัก แล้วก็จะได้มีโอกาสได้ช่วยเค้า

เริ่มจากเล็กๆน้อยๆ ซึ่งนี่คือเส้นทางที่เดินมา หลังจากเราได้เริ่มช่วยคนโดยไม่ได้หวังผลอะไรจากเค้าเลยเนี่ยน่ะ ในช่วงเวลาหนึ่ง หลังจากทำงานสำเร็จแล้ว พอเห็นคนที่เราไปช่วยมีความสุข พ้นจากความทุกข์เรื่องความรักไปแล้วทีละเปลาะๆ 2 คน 3 คน 4 คน ถึงจุดหนึ่ง ทั้งหมดนี้คือการทำบุญครับ พอเราเห็นเค้าดีขึ้น มีใจที่เบิกบาน  เบื้องต้นจะทำให้เรามีเสน่ห์มากขึ้นครับ อันนี้คือเรื่องจริงเลยนะครับ เราจะเริ่มมีเสน่ห์มากขึ้น จะมีคนเข้ามาในชีวิตเรา

แล้วเราจะค่อยๆ เรียนรู้ไปเป็นขั้นๆ แล้วคนที่เข้ามา มักจะเป็นคนที่ชอบเรื่องการเปลี่ยนแปลง เรื่องการเจริญเติบโต คือพัฒนาตัวเอง ไม่ใช่เพียงแค่มาคบกันแล้วก็มีความสุขระยะสั้นชั่วคราวแล้วก็จากกันไป แต่เป็นคนที่เรียนรู้ด้วยกัน มีอะไรก็มาแชร์กัน ยกตัวอย่างเช่น เวลาทะเลาะกัน สมมุติว่าเราเข้าใจไม่ตรงกัน พอทะเลาะปุ๊บ โอเคอาจจะงอนกันอยู่ 1 วัน แต่พอมาเจอกัน แทนที่จะมาเกี่ยงกันว่าชั้นถูก เธอผิด หรือว่าต้องทำให้อีกข้างผิด ให้ยอมให้ได้เนี่ย มันจะกลายเป็นการที่กลับมาเล่าสู่กันฟังว่าไปคิดอะไรมาตอนที่งอนกันรู้สึกยังไง แล้วก็มาสารภาพ มาเปิดใจหากัน

ดังนั้นการที่เราเห็นไม่ตรงกันในแต่ละครั้งเฃจะกลายเป็นการที่คนสองคนมาเรียนรู้กันและกัน พัฒนาความเข้ากันได้ให้มากขึ้นไป พัฒนาแม้กระทั่งความสามารถในการเปลี่ยนแปลงตัวเองไปในทางดีขึ้น ดังนั้นเราจะเจอคนที่ช่วยให้เราดีขึ้น นิสัยเปลี่ยนแปลงไปในทางดีขึ้นด้วย ดีขึ้นยิ่งๆขึ้นไป ถึงจุดหนึ่งที่แม้จะเลิกกันไปแล้ว แยกกันไปแล้ว อย่างที่พี่บอกว่าพี่มีแฟนมา 5 คน แต่ละคนยังเป็นเพื่อนที่ดีกันอยู่นะครับ ยังเข้าออกในบ้านของแฟนคนแรกซึ่งแต่งงานไปแล้วได้ คือแม้กระทั่งแฟนคนแรกที่แต่งงาน พี่กลายเป็นคนที่ถือกล่องเงินของบ้านเค้า แล้วก็แฟนคนที่สองก็ยังคบหากัน ยังติดต่อกันอยู่ทุกวันนี้ เป็นเพื่อนที่ดีอีกคน แฟนคนที่สามก็ยังติดต่อกันอยู่ คือทุกคนยังร่วมงานกันได้ ยังทำงานด้วยกันได้ แล้วก็มารู้จักกันด้วย แฟนคนที่หนึ่งที่สองก็มารู้จักแฟนคนปัจจุบัน แล้วทุกคนก็ดีต่อกัน เป็นเพื่อนที่ดีต่อกันหมด เพราะว่าตลอดระยะเวลาของการคบหาทุกคน ไม่มีเรื่องที่จะต้องปิดบังใคร ไม่มีเรื่องที่จะไปสร้างความแคลงใจ ไม่มีความบาดหมาง เวลาเลิกกัน ก็เลิกกันด้วยสภาพที่ดีที่สุด ยังคงความเป็นเพื่อน ความสัมพันธ์ยังมีในทางที่พัฒนาร่วมกันมา เป็นเวลาหลายปี ความรู้สึกดีๆก็ยังอยู่ครบถ้วน อาจจะมีความฝืนใจในช่วงที่ไม่เข้าใจกัน แต่พอหลังจากเลิกกันไปแล้วก็ยังรักษาความสัมพันธ์กับทุกคนไว้ได้ ซึ่งอันนี้แหละมันเป็นเรื่องของการเรียนรู้ และก็ยอมรับความจริงว่า ไม่เหมาะกัน ก็คือไม่เหมาะกัน ไม่ใช่ว่าไม่เหมาะกันแล้วเราไม่พูด แล้วไปมีคนอื่น แล้วก็เท่ากับโกหกหลอกลวงเค้าไว้ ดังนั้นความสัมพันธ์ลักษณะนี้ หรือว่ามองจากการที่ได้อธิษฐาน ทุกๆคนให้บทเรียนเราต่างๆ ยิ่งกว่านั้นความเป็นเพื่อนทั้งหมดไม่มีการเสียเวลาเปล่าเลย ความสัมพันธ์อันดีที่เคยสร้างกันมาอยู่ครบถ้วน

ญ: ขอยกคำสอนของหลวงพ่อชานะคะ เป็นพระภาวนารูปหนึ่ง ท่านเคยพูดว่า “คนเราทุกข์เพราะคิดผิด”  คือถ้าเราคิดถูกเนี่ย มันก็จะพาเราไปสู่ความไม่ทุกข์ แต่ถ้าน้องๆคนไหนยังมีทุกข์อยู่ แสดงว่ายังคิดไปในทางการสร้างเหตุที่ไม่ถูก วิธีการก็คือต้องเรียนรู้ว่ายังไม่รู้อะไรที่มันเป็นเหตุแห่งทุกข์ เรื่องการเปลี่ยนแปลงนี้เป็นสิ่งที่สำคัญมากนะคะ คือเหมือนเราโตขึ้นทุกวัน เราต้องเรียนรู้ เหมือนเรามาเรียนหนังสือ เราก็เรียนรู้ว่าวิชานี้สอนเรื่องอะไร เราจะเอาไปใช้ประโยชน์อะไรได้ เหมือนกันเรื่องความรัก การใช้ชีวิตในสังคม เหมือนกันเลย น้องๆอยากมีความรักที่ดีมีความสุข ในการคบใครแต่ละคน หรือการเลือกใคร เราต้องเรียนรู้ว่าเราได้เรียนรู้อะไร พี่โจ้ลองเล่าเรื่องตัวเองเป็น sample นิดนึงว่า ได้เรียนรู้อะไรในการคบแฟนตั้งแต่คนแรกจนถึงคนปัจจุบัน

พี่โจ้: ตอนมีแฟนคนแรก พี่เชื่อว่าเหมือนกับน้องๆผู้ชายทุกคนในห้องนี้ คือสนใจเฉพาะสวย สนใจแต่เปลือกอย่างเดียวล้วนๆเลย

ญ: ถ้าผู้หญิงก็สนใจหล่อ รวย

พี่โจ้: สนใจแต่สวยอย่างเดียว ไม่ได้สนใจอย่างอื่นเลย รูปเปลือกนอกถูกใจ ทีนี้พอจนกระทั่งคบกันแล้วเกิดปัญหา ก็เรียนรู้ขึ้นมาว่าเออ ไอ้ปัญหาเนี่ย เกิดปัญหาเพราะความชอบความสนใจเราไม่ตรงกัน เราไม่ได้ชอบในเรื่องเดียวกัน ความสวยไม่ได้ทำให้เรานับถือเค้าได้ เพราะฉะนั้นพอคบกันแล้วจึงเกิดปัญหา

พอแฟนคนที่2 ก็เริ่มมีประสบการณ์มากขึ้น ก็มองหาคนที่มีความสนใจในเรื่องเดียวกัน แล้วก็กลับมาพบอีกว่าแค่ความสนใจก็ไม่พอ เราก็มาพยายามตีโจทย์ใหม่ เราก็พบว่า เอ๊ะ น่าจะ ใช้คำว่าน่าจะเลย เป็นการเดาเลยว่าต้องชอบเรื่องเดียวกันจึงจะดีละมั๊ง เพราะฉะนั้นแฟนคนที่ 3 ก็เป็นคนที่ชอบเรื่องเดียวกันครับ

พอเป็นคนที่ชอบเรื่องเดียวกันเนี่ยก็มาพบอีกปัญหาหนึ่งว่า แค่ชอบเรื่องเดียวกันก็ยังไม่พอ เพราะว่าคนแต่ละคน อย่างตัวน้องในวันนี้ กับตัวน้องเมื่อ 1  ปีที่แล้วนิสัยเหมือนเดิมไหมครับ ความรู้เท่าเดิมไหม ไม่เท่าใช่ไหมครับ ฉะนั้นจริงๆ คนเราเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ทุกๆ นาที ทุกๆ วินาที เราเรียนรู้สิ่งใหม่ๆ อยู่ตลอด ฉะนั้นนะครับ ถ้าเทียบแล้วเนี่ย(เขียนกราฟ)

ถ้านะครับ คนหนึ่งเดินอยู่ตรงนี้ อีกคนอยู่ตรงนี้นะครับ ต่างคนต่างเดินมา แล้วก็เดินมาเจอกันที่จุดนี้ จุดที่เราพบกัน ตกลงเป็นแฟนกัน แล้วแต่ละคนก็พยายามอยู่ร่วมกัน แต่แต่ละคนก็เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอด  ถึงจุดหนึ่ง เค้าก็จะเดินไปที่ทิศนี้ แต่ละคนก็จะเดินไปที่จุดหมายเดิมของตัวเอง ทีนี้พอเดินไป ถ้าได้ตกลงเป็นแฟนกัน แล้วเค้าก็จะเจอกันตรงนี้ คือเค้าก็พยายามรั้งๆๆ ตัวเอง แต่สุดท้ายเค้าก็จะแยกออกไป ซึ่งก็จะฉีกออกจากกันไปหาเป้าหมายเดิมของเค้า นี่คือตัวอย่างหนึ่งนะครับที่พี่เจอมา

ดังนั้นพอแฟนคนที่ 3 พี่ก็เริ่มเรียนรู้แล้วว่า โอ้ มันแค่ชอบสิ่งเดียวกันไม่ได้ มันต้องมีเป้าหมายในชีวิตอย่างเดียวกัน ดังนั้นไม่ว่าแต่ละคนจะเดินมาทางไหนก็ตาม พอเจอกันแล้วปุ๊บ ถ้าได้คุยกันในระดับของปัญญาจริงๆ เอาทุกอย่างในใจมาแชร์ด้วยกัน จะเห็นว่าการเดินไปด้วยกัน ร่วมกันเดินไปเนี่ย บางคนเวลาอยู่ข้างหลัง ล้าหลัง อีกคนก็จะฉุดแล้วก็ร่วมกันเดินไปหาเป้าหมาย การเดินทางแบบนี้แหละ คือการเดินทางที่เกื้อกูลกัน มองหาคนที่เกื้อกูลกันแล้วมีเป้าหมายในชีวิตร่วมกัน

ญ : มันก็จะทำให้ชีวิตดีขึ้น..

พี่โจ้ : ระหว่างทางเดินเราพัฒนาอีกฝ่ายหนึ่ง และอีกฝ่ายหนึ่งก็พัฒนาเรา ร่วมกันพัฒนาตัวเองไปด้วยกัน อันนี้แหละ เนี่ยคือที่จะนำมาชักชวนให้น้องๆ ได้อธิษฐานว่า “ขอให้ได้เจอคู่ที่เหมาะสม และเจริญเติบโตไปพร้อมกัน”คำว่าเจริญเติบโตก็คือ ต่างคนต่างก็โตขึ้นทุกวัน ทีนี้ถ้าเราโตไปในทิศทางเดียวกัน แล้วก็ช่วยกันเกื้อกูลกัน ใครหล่นลงมาก็คือช่วยกันประคองซึ่งกันละกัน แล้วก็เดินไปพร้อมๆ กันจนถึงเป้าหมายเดียวกัน อันนี้แหละก็คือสาระสำคัญที่สุด ที่จะทำให้ชีวิตคู่เราทั้งมีความสุขด้วยแล้วก็ พออีกคนเค้าช่วยเราและเราก็ช่วยเค้า มันก็จะเป็นความสัมพันธ์แบบเกื้อกูลกันจริงๆ แล้วก็ให้นึกถึงก็มีความสุข

 

อ่านเพิ่มเติมบความที่เกี่ยวข้อง "รักแบบไม่ตั้งใจ"

http://sangtean.com/love/love-articles/306-not-intend-to-love


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.