ความรัก การอยู่ด้วยกัน ความสุข

เวลาเรานึกถึงภาพคนที่ประสบความสำเร็จในความรัก เราจะนึกถึงภาพแต่งงาน หรือรูปคนแก่ถือไม้ท้ายอดทอง กระบองยอดเพชร กันหรือเปล่าคะ

ไม่รู้ใครเป็นคนเริ่มนะ แต่ก็เพราะความคิดนี้แหละที่ทำให้คนส่วนใหญ่เข้าใจผิดเรื่องความรัก แล้วก็นำทุกข์มาให้


ถ้าเล่าเรื่องคนอื่น เดี๋ยวจะหาว่าละเมิดลิขสิทธิ์ ก็เลยชอบเอาเรื่องตัวเองมาเล่า

การแต่งงาน การอยู่ร่วมกันบางทีมันไม่ใช่จุดมุ่งหมายของความรักหรอกนะ บางทีมันเป็นจุดเริ่มต้นที่ยิ่งใหญ่มากขึ้นของคนหลายคนด้วยซ้ำ

จากประสบการณ์ที่ตอบคำถามเรื่องความรักมา และจากประสบการณ์ชีวิตตัวเอง ถ้าคนเราไม่รู้จักตัวเอง ไม่รู้ว่าคนที่ใช่แบบใดที่จะนำความสุขมาให้ เห็นอะไรแบบเบลอๆ เมื่อเป้าหมายก็ไม่ชัด ทางจะไปก็ไม่รู้ มันก็ถึงจุดหมายคือ ความรักที่ดีที่สมบูรณ์ ได้ยากนะ

ยกตัวอย่างเรื่องญเองเลย คุณแม่หย่ากับพ่อตอนมีลูกสี่ ด้วยความหวังว่าพ่อจะเปลี่ยน เลยทนทุกข์มา10ปี ถ้าเข้าใจอะไรชัดกว่านี้ แม่คงไม่ต้องทุกข์นานขนาดนั้น

แต่ถึงกระนั้น มันก็ไม่ใช่จุดสิ้นสุดนะคะ ถ้าคุณแต่งงานแล้ว และเพิ่งรู้ตัวว่าพลาด ไม่ต้องพยายามกอดไม้ยอดทองนั้นไว้หรอก

ถ้ากอดแล้วมันทุกข์ จะกอดไว้ทำไม๊ :)

รีบเรียนรู้ความทุกข์และความผิดพลาดได้ไวเท่าไหร่ เราก็จะยิ่งมีความสุขได้เร็วมากขึ้นเท่านั้น

เมื่อก่อนญเคยเข้าใจว่า ถ้ารักแล้วต้องอยู่ด้วยกันเหมือนกันค่ะ แต่กับบางคน บางคู่มันไม่ใช่นะ

เช่น ถ้าอีกฝ่ายไม่ดี ไม่เหมาะสมกับเรา รู้ว่าอยู่ด้วยกันแล้วมันไม่ใช่ หรืออยู่ไปเราก็ทุกข์ เราก็เลือกที่จะรักเขาห่างๆ ปรารถนาดีห่างๆ โดยไม่ต้องเอาตัวเองไปคลุกคลีก็ได้

หรือถ้าเรารักใคร แต่เขาก็มีอีกคนอยู่ เราก็ไม่จำเป็นต้องไปพยายามดึงเขามาทำบาป ทำกรรม ให้เขาต้องได้รับทุกข์ต่อไปก็ได้

หลายกรณีที่ญเห็นว่า ถ้าอยู่ด้วยกันแล้วทุกข์ ก็อย่าอยู่ดีกว่า ความรักไม่จำเป็นต้องแสดงด้วยความต้องการอยู่ร่วมกัน

เมื่อก่อนญคิดว่าการช่วยใคร คือการแนะนำให้เขาอยู่ด้วยกัน  แต่ตอนนี้เปลี่ยนมุมมองใหม่ คือถ้าไม่เหมาะสมกัน อยู่ร่วมกันแล้วมีปัญหา การแนะนำให้ยังคงรักกัน แต่ไม่จำเป็นต้องอยู่ร่วมกัน เพื่อเปิดโอกาสให้อีกฝ่ายเจอคนที่ใช่ และคลิ๊กกันมากกว่าน่าจะเหมาะกว่า และเป็นการแสดงความรักที่ดีกว่า

พี่ชายเคยสอนญว่า คนสองคนไม่ได้มาอยู่ร่วมกันเพราะต้องการอยู่ร่วมกันอันเป็นความยึดที่จะต้องทุกข์แน่ๆ ถ้าไม่ได้อยู่ด้วยกัน แต่คนสองคนมาอยู่ร่วมกันเพราะมีเป้าหมายเดียวกัน เหมาะสมที่จะอยู่ด้วยกัน และอยู่ร่วมกันเพื่อทำประโยชน์แก่กัน และต่อคนอื่นได้ คือถ้าอยู่แล้วดีก็อยู่ไปเถอะ

ถ้าเราจะให้ความรักใครด้วยการทำให้เขายึดมากขึ้น มันเท่ากับเราไม่ได้ช่วยอะไรอีกฝ่ายได้เท่าไหร่ เพราะยึดเมื่อไร่ก็ทุกข์เมื่อนั้น ไม่จากเป็นก็ต้องจากตายในวันหนึ่ง และเราก็ต้องทุกข์เพราะอึดอัดด้วย แต่ถ้าเรารักใคร เราอยากให้อีกฝ่ายมีความสุขจริงๆ เราให้ธรรมะ ให้ทางออกจากทุกข์ดีกว่า มันเป็นการช่วยพัฒนาทั้งตัวเราและคู่ของเรา
ความสุขในรัก ไม่ใช่การเห็นหน้า ไม่ใช่การได้ยินเสียง ไม่ใช่การได้มีอีกฝ่ายไว้ในครอบครอง ที่พร้อมจะทุกข์เมื่อสิ่งเหล่านี้หายไป เพราะถ้ามันเป็นสุขที่ต้องแลกด้วยทุกข์ มันก็ไม่ใช่ความสุขที่น่าปรารถนาไม่ใช่หรือ
ที่สุดของความรักที่จะเป็นสุข คือการเกื้อกูลกันไปถึงที่สุดแห่งความพ้นทุกข์ และโดยความหมายนี้ ไม่มีการเกื้อกูลใดจะดีไปกว่าการสนับสนุนกันปฏิบัติธรรมอีกแล้ว
ยิ่งปฏิบัติธรรม ยิ่งเรียนรู้ธรรมะ(คือธรรมชาติ ความจริง) ได้มากเท่าไหร่ คนทั้งสองจะยิ่งรักกันได้อย่างมีความสุขมากขึ้นเท่านั้นด้วย เพราะจะอยู่ด้วยกันแล้วสบายใจ เย็นใจ
ทิ้งท้ายไว้ด้วยคำสอนของท่าน ว. วชิรเมธี ค่ะ :)
"เวลาเรามีความรักต้องถามตัวเองว่าเรายังคงเป็นตัวของตัวเองได้
ถ้ารักเขาแล้วยอมเขาทุกอย่าง สักพักหนึ่งจะเริ่มแย่ นำไปสู่ประตูของความเสื่อม
ฉะนั้น เวลาเราไปรักใครหรือใครมารักเรา ต้องถามก่อนว่าถ้ารักกันจริง ๆ
มีอนาคตร่วมกันหรือไม่ที่จะทำให้ชีวิตพยายามขึ้นไปสู่ภาวะที่ดีที่งามสูงขึ้น
ไม่ใช่รักกันแล้ว ก็มองแต่ว่าเมื่อไรจะมีอะไรด้วยกัน
รักแบบนี้เป็นรักที่สัตว์เดรัจฉานก็มีได้ ไม่ต้องใช้สติปัญญาขั้นสูงอะไร
ในฐานะที่เราเป็นมนุษย์เราต้องไปให้ไกลกว่านั้น"
แนะนำอ่านหนังสือเพิ่มเติม หนังสือ รักแท้มีจริง ค่ะ

www.dungtrin.com



 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.