ไม่มีใครรักฉันจริง แน่ๆ

คุณผู้อ่านคิดว่า ความคิดมีผลต่อชีวิตคนเราแค่ไหนคะ?

มุมมองความคิดอย่างหนึ่งจะส่งผลต่อทุกการกระทำของเราในเรื่องนั้นๆเลยล่ะ

ครั้งหนึ่งเคยเอาข้อความดีๆมาจากหนังสือ The Magic of Thinking Big มาลง เขากล่าวว่า “เมื่อเราคิดว่าเราทำได้ จิตของเราก็จะพยายามแสวงหาวิธีทางทำให้มันเป็นจริง แต่ถ้าเราคิดว่าเราทำไม่ได้ จิตของเราจะพยายามไปหาเหตุผลให้เราเชื่อว่าเราเป็นอย่างนั้น”

ญเป็นคนหนึ่งที่เคยมองโลกในแง่ร้ายเรื่องความรัก ญเคยเชื่อว่า ไม่มีใครจะรักญจริงๆ ไม่มีใครที่จะอยู่กับญตลอดไป

ความคิดนี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องที่ คิดไปก็ไม่น่าจะมีพิษสงกับชีวิตเราเท่าไหร่ บางคนอาจจะคิดว่า ถ้าไม่เจอก็ไม่มีอะไร ก็คิดถูกแล้วไง ถ้าเจอก็คือเจอ ก็โชคดีไป (แต่ลืมไปว่าโชคไม่ได้เกิดด้วยความบังเอิญ แต่ผลทุกอย่างเกิดจากเหตุ)

แต่แท้จริงแล้ว ความคิดยืนพื้นนี้มีผลกับเรามากกว่าที่คิดซีคะ

เพราะความคิดนี้ของญมันมีผลมาจากความกลัว เพราะเคยผิดหวังมามาก ทุกข์มามาก(เห็นไหม ไม่ได้มีคุณคนเดียวในโลกหรอกนะ ที่เคยทุกข์เรื่องความรัก)

ทุกครั้งที่มีความรัก ที่มีใครมารัก ญจะเผลอทำทุกอย่างเพื่อพิสูจน์ความเชื่อนี้ (แม้ว่าลึกๆจะอยากมีคนที่รักเราจริงๆ)

การกระทำต่างๆก็เช่น จับผิด จับทุกความพิรุธที่จะสังเกตเห็นว่า นี่ไงเธอไม่รักฉัน เธอลืมฉัน

คุณผู้อ่านคงเดาได้นะคะว่า ผลที่ได้รับจะเป็นอย่างไร คือบางทีอีกฝ่ายก็ไม่ได้คิดอะไรหรอกนะ แต่โดนกล่าวหาบ่อยๆก็รำคาญ เบื่อ ได้

จนเมื่อญได้มาเจอพี่ชายทางธรรม ความรู้สึกขัดแย้งในใจว่าอยากมีแต่ก็กลัวก็ได้หายไป

ที่จริงต้นเรื่องของความทุกข์ของญ (หรืออาจจะของใครอีกหลายคน) มีง่ายๆไม่ซับซ้อน  คือสร้างเหตุที่ไม่ดีไว้ก็เลยมาทุกข์ ถ้าสร้างเหตุดีก็ให้ผลเป็นสุข

ญถามพี่ชายว่า ที่ญทุกข์เป็นเพราะญไปทำให้คนอื่นทุกข์ไว้ ไปหลอกคนไว้เยอะเหรอ พี่ชายก็ตอบว่า

“เป็นเรื่องปกติของมนุษย์ส่วนมากครับ เคยทำบุญมาดี พอมีคนมาดีด้วยมากๆก็หลงตัวเอง พอหลงตัวเองก็สร้างเหตุไม่ดีไว้มาก พอกรรมส่งผลแล้วไม่เข้าใจว่าเป็นการกระทำของเราเอง ก็สรุปไปเลยว่าไม่มีใครจะรักเราจริง(เพราะเคยทำไว้อย่างนั้น) และอยู่กับเราได้ตลอดชีวิต(ก็เพราะเคยทำอย่างนั้นไว้)

แล้วต่อมาก็สร้างกรรมใหม่อีกอย่างคือ เที่ยวไปบอกใครต่อใครตามประสบการณ์ของตัวเอง  ซึ่งก็จริงแต่เฉพาะกับคนที่สร้างเหตุมาอย่างนั้น ยิ่งบอก ตัวคนบอกก็ยิ่งเชื่อแบบนั้น จิตก็จะเหนี่ยวนำให้ต้องเจอกับเรื่องเดิมซ้ำๆมากขึ้นๆ จนติดอยู่ในลูป หลุดออกมายาก”

คุณผู้อ่านลองสังเกตตัวเองดูนะคะว่าจริงไหม เวลาที่มีความทุกข์ แทนที่เราจะค้นหาว่าต้นเหตุมันคืออะไร แล้วแก้ไขที่มัน ส่วนใหญ่เรากลับพยายามพิสูจน์สิ่งที่เราเชื่อมากกว่าหรือเปล่า หรือบางคนก็หาไปเรื่อยๆอย่างไม่มีทิศทาง ไม่รู้วิธีการ คือมัวแต่หา แต่ไม่ได้สร้างเหตุ ก็หาไม่เจอ เพราะไม่มีเหตุให้เจอ

ในกรณีของญนี้ พี่ชายก็แนะนำเพิ่มว่า

“วิธีแก้ไขคือต้องสร้างเหตุที่มีน้ำหนัก คือทำให้คนจำนวนมากเข้าใจเรื่องกรรมกับความรัก ให้คนเข้าใจกฏอย่างถูกต้อง ว่าทำอย่างไรมาก็จะได้รับผลแบบนั้น จนล้างเรื่องเก่าๆหมด ความรู้สึกหญิงถึงจะเริ่มเปลี่ยนทิศทางไปจากเดิมครับ”

ลองเปรียบเทียบดูนะคะว่า เราพยายามพิสูจน์สิ่งที่เราเชื่อจริงไหม ถ้ากลับกัน คิดในแบบตรงกันข้ามคือ เชื่อว่า ความรักที่ดีมีอยู่จริง การกระทำจะแตกต่างไปไหม ผลจะต่างไปไหม

สำหรับญ พอใจเริ่มมีเป้าหมาย การกระทำของญก็ต่างไปค่ะ แทนที่จะคอยจับผิดคนอื่น ญเปลี่ยนเป็นการพยายามสร้างเหตุที่ดีต่างๆ แทนที่จะรอ ญเปลี่ยนเป็นพยายามสร้างรักที่แท้จริงให้ใจตัวเองก่อน เพราะตอนนี้ญเชื่อว่า ถ้าใจเรายังไม่รู้จักความรัก ยังรักใครไม่เป็น ต่อให้คนอื่นมารักเราจริงๆ เราก็ไม่รู้ว่านั่นคือความรัก หรือเรารักไม่เป็น คือเรารักษาไว้ไม่ได้ เราก็ต้องสูญเสียมันครั้งแล้วครั้งเล่า

ดังนั้นเรียนรู้ข้อผิดพลาดตัวเองได้มากเท่าไหร่ รู้ตัวก่อนเร็วแค่ไหน ยิ่งใกล้จุดหมายมากขึ้นเท่านั้น :)


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.