"อยากรู้" ดวงชะตา

fortune teller

ญเป็นคนชอบดูดวงตัวยงคนหนึ่งตั้งแต่สมัยเรียน
ที่ไหนแม่นจะต้องแล่นไปดู 

ถามตัวเองตอนนี้ว่าทำไมชอบดูดวงนักนะ
ก็ตอบได้ว่าเพราะ “อยากรู้” น่ะสิ

คนส่วนมากจะอยากดูดวงเพราะเรื่องอะไร
อยากรู้ว่า เขาจะกลับมาไหม
อยากรู้ว่า เจอเนื้อคู่เมื่อไหร่
อยากรู้ว่า จะรวยเมื่อไหร่
อยากรู้ว่า...... และอื่นๆ (เชิญเติมคำในช่องว่าง)

รู้สึกว่าที่จริงเราทุกข์เพราะเราอยากรู้ ทุกข์เพราะไม่รู้ว่าสิ่งที่คาดหวังมันจะเป็นจริงหรือเปล่าเสียมากกว่า บางครั้งอยากไปให้หมอดูฟันธงโต้งๆไปเลย เป็นไงเป็นกัน เพื่อจะได้หยุดหวัง มีขอบเขตในการเฝ้าฝันถึงสิ่งที่รอว่าปีนี้เดือนนี้จะได้ตามที่ตั้งใจ(หวัง)ซะที!!

จากประสบการณ์ที่ได้ดูดวงมาจากหมอดูทุกคนที่ได้รับการยืนยันมาอย่างน้อยหนึ่งเสียงว่าแม่น ไม่มีใครตอบ หรือบอกอะไรได้ 100% สักคนค่ะ ส่วนมากทายลักษณะนิสัยจะถูก ทายอดีตก็ตรงเป็นส่วนมาก แต่เรื่องของอนาคตเนี่ย ยังไม่เจอใครที่ทายถูกร้อยละร้อยเลย

เมื่อก่อนเป็นลูกค้าอย่างเลื่อนลอย ไปดูทีก็ได้แต่หวังว่า... และนับวันรอ หมอดูช่วงชีวิตแรกที่เจอจะเป็นแนวว่าให้คอย ให้รอ หรือเลิกทำอย่างนั้นไปเสีย จบ.

มาช่วงหลังได้คลุกคลีกับหมอดูที่ศึกษาเรื่องกรรมเลยได้ความรู้อะไรขึ้นมาอีกหน่อย ว่านอกจากการนั่งรอนอนรอแล้ว เรายังทำอะไรอย่างอื่นได้บ้าง และมาชัดเจนตอนเจอพี่ชายทางธรรม(ที่ไม่ใช่หมอดู) แต่สอนให้เราเข้าใจกฎแห่งกรรม และสร้างเหตุที่เราต้องการขึ้นมา

กฎง่ายๆมีแค่ว่า “อยากได้อะไรก็ทำอย่างนั้น”

บอกแค่นี้อธิบายสั้นไป อาจมีคนเถียงว่าไม่เป็นความจริง ฉันทำบุญไปตั้งหลายร้อยบาท ไม่เห็นถูกล๊อตเตอรี่ซักที
อธิบายกฎให้ชัดเจนขึ้นกว่านั้นอีกหน่อยค่ะ

อกุศล คือสีดำ คือความอึดอัด คับแคบ ร้อน สิ่งที่เป็นอกุศลคือ กิเลส อันได้แก่ ความโลภ ความโกรธ ความหลง

กุศล คือสีขาว คือความโปร่งโล่ง เปิดกว้าง สงบเย็น สิ่งที่เป็นกุศลตรงข้ามกับกิเลส คือ ทำด้วยใจสละ ทำด้วยความเมตตา ทำด้วยความปราศจากอคติ เป็นกลาง ไม่ยึดถือ

เวลาเราทำกรรมเราทำด้วยกาย วาจา ใจ ผลที่ได้ก็ได้ส่งทางรูปและนาม แต่ผลทางใจจะส่งผลก่อน

หากเราทำสิ่งใดด้วยความโลภ เช่น ทำบุญเพราะอยากได้เงิน ใจเราจะไม่สุขเต็มที่ เพราะความโลภและคาดหวัง
แต่ถ้าหากเราทำด้วยใจเมตตาเป็นกุศลผลมันยังไม่มาเป็นเม็ดเงิน แต่ใจเราเป็นสุขเพราะตัวกุศลก่อนแล้ว ให้ด้วยใจสละให้คนอื่นมีความสุข เราก็ได้ความสุขกลับมา

ไหนๆ ก็ไหนๆ บอร์ดนี้ก็เกี่ยวเนื่องกับความรัก

ร้อยละส่วนมากของคนดูดวงก็ดูเรื่องความรักก็เลยจะขอกล่าวเกี่ยวกับเรื่องความรักสักหน่อย เวลาที่เราดูดวงเพราะอยากรู้ว่าคู่จะมาเมื่อไหร่นี่ มีกี่คนที่นอกจากถามว่าคู่หล่อ/สวยไหม รูปร่างสีผิวอย่างไร รวยไหม เจ้าชู้หรือเปล่า อยู่ด้วยกันยืดไหม เขารักเราไหม มีถามบ้างไหมว่าอยู่ด้วยกันแล้วจะมีความสุขหรือเปล่า? 

หลายๆ ครั้งเราอาจติดภาพที่สังคมตีกรอบเพราะการเชื่อว่าเป็นอย่างนั้น มีเหมือนคนส่วนมาก คือ เป็นคนปกติ เพราะใครๆ เขาก็ทำกัน หรือได้รับการยอมรับ เช่น ไม่แต่งงานจะแปลก แต่งงานไม่มีลูกได้ไง

ถ้าเราตัดสินใจด้วยการเห็นว่า ใครๆเขาก็... หรือไม่ทำแล้วกลัวว่าคนอื่นจะมองว่าแปลก นี่แสดงว่าเราหวังผลในเรื่องการยอมรับ ความอยากมีตัวตน มากกว่าอยากมีความสุขอย่างที่จริงๆ ใครๆ ควรจะอยากมี แล้วความสุขแท้ๆมันอยู่ที่ตรงไหน?

สังเกตไหมว่าที่จริงเรามีอย่างนั้นจริงๆแล้วเรามีความสุขจริงหรือเปล่า ลองถามคนร้อยคู่ที่แต่งงานดูค่ะ ญ เชื่อว่าเขาก็มีทั้งสุขและทุกข์เหมือนคนโสดนั่นแหละ ดังนั้นจะสุขมากทุกข์มาก มันไม่ได้อยู่ที่สถานภาพทางสังคมหรอกค่ะ

“มันอยู่ที่การสร้างเหตุแห่งความสุขและเหตุแห่งความทุกข์ด้วยตัวเราต่างหาก”

อยากมีความสุขก็ให้ความสุขคนอื่น ทำทานสารพัดรูปแบบจะทำได้ ใช้เงิน ของเก่าไม่ใช้แล้ว แรงกาย ปัญญา เพื่อความสุขคนอื่น

ไม่อยากมีความทุกข์ก็อย่าทำให้ใครทุกข์ มีศีลไว้ อาจจะไม่ได้จำกัดแค่ศีล5ข้อ แต่มีศีล5ข้อเป็นพื้นฐานคือ มีใจตั้งต้นไม่เบียดเบียนคนอื่นให้ทุกข์ ไม่ไปละเมิดความสุขคนอื่น

ปัญหาของคนเราส่วนมากมันเกิดจากการเอาความอยากของตนเองไปให้คนอื่นรับผิดชอบ แทนที่จะแก้ปัญหาและรับผิดชอบความทุกข์ของตนเอง ด้วยการรู้ทันว่าความอยากว่ามันไม่เที่ยง เกิดขึ้น ตั้งอยู่และดับไป หรืออยากได้อะไรก็สร้างเหตุอย่างนั้นด้วยความเข้าใจเรื่องกรรม ปัญหาก็จะไม่เกิด ไม่ทำให้ใครวุ่นวาย ไม่ทำให้ตนเองวุ่นวาย ไม่ไปเหมาเอาว่าเธอไม่ให้เธอผิดต่อฉัน

ความรักคือการให้ มีไว้เพื่อดูแลกัน ไม่ใช่เพื่อเติมเต็มความอยากของกันและกัน

พี่ชายเคยสอนว่า "ทุกข์ของใครก้ปัญหาของคนนั้นแหละครับ" ทุกข์เพราะอยาก เพราะห่วง มันเป็นปัญหาของเราที่เราต้องแก้ด้วยตัวเองก่อน

ถ้าเข้าใจอย่างธรรมก็คือ ท่านสอนให้พึ่งตนเอง เรามีทุกข์ให้เราแก้ปัญหาด้วยตนเอง คนอื่นมีทุกข์ให้เราช่วยเขา
แต่ถ้าทำอย่างโลกจะเป็นอีกอย่างคือ ถ้าเราทุกข์คนอื่นต้องช่วยต้องเห็นใจเรา ถ้าคนอื่นทุกข์มันเป็นกรรมของเขา -_-"

ถ้าเขาใจกฎเป็นกฎ ไม่ใช่ตั้งกฎอย่างใจ

เชื่อเถอะว่าทำได้อย่างนี้แล้ว ความทุกข์ในชีวิตคู่ลดไปเกินครึ่ง (รวมถึงชีวิตคนโสดด้วย)

แล้วถ้าไม่มุ่งว่าการมีคู่เพื่ออะไรไม่รู้ แต่ต้องการความสุขก็สร้างเหตุโดยให้ความสุขผู้อื่นก่อน จะโสดไม่โสด มีคู่ หรือหย่าแล้ว สามารถมีความสุขได้เท่ากัน

ไม่ต้องหาหมอดูเพราะความอยากรู้ แต่รู้วิธีสร้างเหตุแล้วก็ลงมือทำ

ไม่ต้องหวังเลื่อนลอยว่าจะดูแม่นไม่แม่น

เพราะจากประสบการณ์ที่ได้เรียนรู้มาทั้งหมด ไม่มีใครใหญ่เกินกรรมหรอกค่ะ

จะเจอหมอดูแม่นไม่แม่นก็กรรมกำหนด จะเจอหมอดูทักตรงไม่ตรงก็กรรมกำหนด จะเจอหมอดูแนะนำไปทำอะไรผิด(เช่น หมอดูทำเสน่ห์)หรือชี้นำทางถูก ก็กรรมกำหนดอีก

ถ้ารู้อย่างนี้แล้วก็มาใส่ใจกับการ “เลือก” ทำกรรมที่ถูกตรงตามผลที่ต้องการจะได้ดีกว่าค่ะ

ไม่ได้บอกว่าให้เลิกดูดวงนะคะ ญเองก็ยังดูค่ะ ด้วยข้ออ้างใฝ่รู้ว่าเผื่อหมอดูคนไหนแนะนำทางออกที่ดีก็ลองไปทำตามดู

คุณเองก็ลองได้ หัดเป็นนักทดลองก่อนจะเชื่ออะไรแบบไม่มีเหตุผล เบื้องต้นเชื่อพระพุทธเจ้าก่อนว่าให้ละชั่ว ทำดี ทำจิตใจให้บริสุทธิ์ ในกรอบทาน ศีล และภาวนา ถ้าหมอดูคนไหนแนะนำอะไรให้ทำอย่างเป็นเหตุเป็นผลที่ตรงจุดและอยู่ในกรอบนี้ก็ลองพิสูจน์ดูได้ ไม่เสียหาย

เสียเงิน แล้วอย่าให้เสียเวลานั่งรอคำทำนายเก้อฟรีๆ แต่ให้เอาเวลาที่มีไปลงมือทำอะไรบางอย่างเพื่อให้เกิดผลด้วยความเชื่อว่า “ตัวเราพึ่งกรรมของตัวเองได้ ไม่ต้องรอใครขีดชะตา”

เขียนกี่เรื่องก็สรุปมาที่ทาน ศีล ภาวนาทุกทีสิน่า ^^


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.