รักแท้

 

วันนี้เป็นวันทำบุญให้แก่ญาติและบรรพบุรุษที่ทางวัดวิมุตติจัดขึ้นประจำปี พราวฟ้าและพิมได้มาร่วมงานด้วย

“ว่าไงฟ้า พิม”

“กราบหลวงพ่อเจ้าค่ะ หนูกราบขออนุญาตมาอยู่วัดถึงวันอาทิตย์ค่ะ”

“อื้ม” หลวงพ่อตอบ “แล้วพิมล่ะ อยู่กับเขาด้วยไหม”

“ไม่ค่ะ หนูมีธุระพรุ่งนี้ คงจะกลับหลังเสร็จงาน”

ในงาน คนที่มาร่วมบุญจะนำอัฏฐิหรือกระดูกญาติและบรรพบุรุษผู้เสียชีวิตที่ฝากไว้ที่วัดมาวางรวมกัน บางคนก็มีรูปมาด้วย พิมสะดุดกับรูปของแม่ชีผู้ล่วงลับคนหนึ่ง

“หลวงพ่อเจ้าคะ หนู..หนูคุ้นหน้าแม่ชีมาก”

“อ๋อ... แม่ชีเอื้อน เค้าเสียตั้งแต่อายุยังไม่มาก ปฏิบัติดีอยู่เหมือนกัน”

“หนู.. หนูว่าเคยเจอเขาเมื่อหลายปีก่อน แต่ไม่ได้อยู่ในชุดแม่ชี และดูสวยมีรัศมีเปล่งประกายมาก หนูไม่เคยเล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง เมื่อหลายปีก่อน ตอนหนูมาที่วัดนี้ครั้งแรก หนูได้เจอผู้หญิงคนนึงที่เรียกตัวเองว่าเป็นนางฟ้า เธอมาช่วยหนู หน้าคล้ายแม่ชีเอื้อนมากเลยค่ะ”

หลวงพ่อหัวเราะอย่างพอใจ “ก็ไม่แปลกหนิ”

“ออ... ไม่แปลกเหรอคะ”

“ก็คงมีบุญด้วยกันมานั่นแหละ แม่ชีเอื้อนมีเมตตาสูง ก็มาช่วยงานวัดบ่อย ๆ”

“ทำไมแม่ชีถึงเสียล่ะคะ”

“ป่วยน่ะ เกิดแก่เจ็บตาย เรื่องธรรมดาโลก เขาก็ไปดีของเขา ไปอยู่กับคู่ของเขาบนสวรรค์ ในชาตินี้ไม่ได้อยู่คู่กับคนรัก แต่ต่างคนต่างแยกกันไปฝึกตัวเองให้ดีทั้งคู่ ก็ไปเจอกันต่อข้างบน”

“อา...ดีจัง” พิมยิ้มอย่างปิติ “นางฟ้าช่วยหนูไว้มาก”

ในงาน พิมตั้งใจทำบุญอุทิศให้กับแม่ชีเอื้อนด้วย ระหว่างที่เทน้ำจากที่กรวดน้ำลงดินฝากแม่พระธรณี พิมรู้สึกได้ถึงลมที่พัดเย็นมาสัมผัสตัว รู้สึกเหมือนแม่ชีเอื้อนมารับรู้ในบุญนั้น

+++++++++++++++++++

ตอนกลางคืน หลังทำวัตรและหลวงพ่อเทศน์เสร็จ พราวฟ้ายังอยู่ที่ศาลาต่อ

“หนูจะขออนุญาตปรึกษาเรื่องทำหนังสือเล่มใหม่ด้วยค่ะ พี่จ้าเสียไปครบ 5 ปีแล้ว ปีนี้หนูตั้งใจทำธรรมทานอุทิศให้เขา เพราะหนูเห็นว่าธรรมทานนี่แหละช่วยคนให้พ้นทุกข์จริง”

“เออ นั่นแหละ ธรรมทานนี่มีอานิสงค์สูงเหมือนให้ปลาให้เขาอิ่ม ไม่เท่าสอนให้เขารู้จักวิธีหาอาหารกินเอง  มีโอกาสให้ มีโอกาสช่วยคนอื่น ช่วยตัวเองอย่างไรก็ทำไป แต่ก็อย่าทิ้งธรรม เพราะปัญญาเท่านั้นที่จะช่วยให้เราพ้นทุกข์”

                “ค่ะ หลวงพ่อ” พราวฟ้ายกมือขึ้นสาธุ

                “เออ หลวงพ่อเห็นว่ามีเรื่องนึงน่าจะเป็นประโยชน์ เล่าให้ฟังเสียหน่อย เผื่อเอาไปเป็นธรรมทานให้ใครได้ เป็นเรื่องของลูกศิษย์หลวงปู่คนหนึ่ง”

                “ค่ะ” พราวฟ้าตั้งใจฟัง

 

                กึกก้องเป็นศัลยแพทย์มือหนึ่งของโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่ง ที่จริงแล้วเค้าอยากจะเป็นหมอชนบท อยากช่วยคนจนมากกว่า แต่เพราะทางบ้านสนับสนุนอยากให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานจึงขอให้ทำงานในเมือง ที่จริงแล้วลึก ๆ กึกก้องก็เป็นคนจิตใจดี แต่เสียที่เป็นคนเอาแต่ใจ นอกจากเรื่องงานแล้ว พ่อแม่ก็ตามใจทุกอย่าง เขาจึงติดนิสัยยอมรับความทุกข์ไม่เป็นและชอบเอาชนะ

                ตอนสมัยเรียนเคยไปชอบสาวคนหนึ่ง แต่เธอมีแฟนแล้ว

                “เก๋าเอ๋ย.. มีคนมาชอบมึงตั้งมากมาย มึงไม่ชอบ ดันมาชอบคนมีแฟนแล้ว”

                “อะไรของมึง กูดูออกน่ะว่า พี่จ๋านี่เค้าก็มีใจให้กูแน่ ๆ”

                “เอ๋อ.. แฟนพี่จ๋าเค้าก็ดี กูว่านะยังไงเค้าก็เลือกแฟนเค้า ไม่มีทางเลือกมึงหรอก”

                ด้วยความที่กึกก้องเป็นคนชอบเอาชนะ แค่เพียงเพื่อนพูดท้าทายก็ทำให้กึกก้องทำอะไรโง่ ๆ สุดท้ายแย่งสาวมาได้ในที่สุด ตอนเลิกกันผู้หญิงเค้ายังมีติดต่อกับแฟนเก่าอยู่บ้างเพราะรู้สึกผิด ตอนนั้นแฟนเก่าเค้ายังเรียนอยู่เมืองนอก สุขภาพไม่แข็งแรงนัก แต่ด้วยความหึงหวงกลัวผู้หญิงอาจกลับไปคืนดีกับแฟนเก่า กึกก้องเลยห้ามผู้หญิงติดต่อกับแฟนเก่า ให้ลบการติดต่อทุกทาง อ้างว่า ยิ่งคุยกันยิ่งทำให้แฟนเก่าช้ำใจ แฟนเก่าเค้าเสียใจหนัก ป่วยถึงขั้นเดินไม่ได้ไปช่วงนึง

                ต่อมากึกก้องก็คบกับผู้หญิงคนนั้นไม่รอดเหมือนกัน เพราะความหึงหวง อารมณ์ร้อน สุดท้ายผู้หญิงคนนั้นก็ไปมีคนใหม่ แล้วก็มาปิดการติดต่อเขาทุกทางเหมือนกันเปี๊ยบตอนนั้นกึกก้องเสียใจหนัก ใจนึงก็รู้ว่ากรรมตามสนองแล้ว เพราะเค้าถึงกับกินไม่ได้นอนไม่หลับ กล้ามเนื้อขารู้สึกอ่อนแรงเหมือนตอนแฟนเก่าผู้หญิงเป็น แต่หลังจากเคสนั้นก็ยังไม่จบ กึกก้องกลายเป็นคนเจ้าชู้ ด้วยความที่หน้าตาดี มีฐานะ เรียนเก่ง สาว ๆ เลยมากรี๊ดเยอะ แม้เค้าจะไม่ได้รักใครจริงจัง แต่ก็ให้ความหวังไปทั่ว คบกับใครเป็นแฟนก็คบแบบไม่จริงจัง แป๊บ ๆ ก็เลิก จนตอนหลังได้มาเจอหลวงปู่ หลวงปู่ได้สอนให้เข้าใจเรื่องกรรม กึกก้องเลยตั้งใจเปลี่ยนตัวเอง

พอเรียนจบพ่อแม่ก็หวังว่าจะได้แต่งงานกับคนที่ฐานะทางสังคมดีคู่ควร ก็เลยให้ทำความรู้จักกับผู้หญิงคนหนึ่งชื่อลูกน้ำ ก็คล้าย ๆ เหมือนว่าจะคบเป็นแฟนกัน แต่ลึก ๆ กึกก้องก็รู้ว่าลูกน้ำยังไม่ใช่ จนมาวันนึงได้ปิ๊งกับดุจดาว เป็นนางพยาบาล เจอที่วัดของหลวงปู่ สองคนคุยกัน ถูกใจกันทุกอย่าง กึกก้องตั้งใจว่าดุจดาวนี่แหละตัวจริง แต่ยังเลิกกับลูกน้ำไม่ได้เด็ดขาดเพราะทางบ้าน ดุจดาวก็คิดว่าเธอแค่รอเวลากึกก้องเลิกกับอีกคน แต่กาลกลับไม่เป็นอย่างนั้น กึกก้องไม่รู้ตัวว่ากรรมที่เคยเจ้าชู้ จะทำให้เขาไม่สมหวังในความรักเมื่อถึงเวลาที่คิดว่าเจอคนที่ใช่แล้ว ก็จะหยุดอยู่ไม่ได้ พ่อแม่เร่งรัดเต็มที่ให้เขาแต่งงานกับลูกน้ำเสียที เจ้ากรรมดันมีมือที่สี่อีก เป็นนางพยาบาลในโรงพยาบาลอีกคนที่มาชอบเขา ไปพูดไปเล่าให้คนนั้นคนนี้ฟังเหมือนว่ากึกก้องแอบมีใจให้เธอ แต่ให้รอก่อนเพราะยังเลิกกับลูกน้ำไม่ได้ จากที่ดุจดาวมั่นใจในตัวกึกก้องมากก็หวั่นไหว คิดว่ากึกก้องไปทำเจ้าชู้กับคนอื่น มาหลอกเธอเหมือนที่หลอกคนอื่น ก็เลยเริ่มมีปัญหากัน โดยที่ไม่รู้ว่าด้านหนึ่งแผนงานแต่งของกึกก้องกับลูกน้ำก็เริ่มเป็นรูปเป็นร่าง

                กึกก้องไม่รู้จะทำอย่างไรจึงไปพึ่งหมอดู ซึ่งไปเจอหมอดูคนหนึ่งก็ทายทุกอย่างแม่นดี ทักถูกว่าเขากำลังจะแต่งงาน แต่คนนี้ไม่ใช่คู่ ดุจดาวต่างหากที่เป็นคู่เขา แต่ยังไม่ถึงเวลาที่จะได้คู่กัน ต้องใช้กรรมก่อนทั้งคู่ ให้แต่งงานกับลูกน้ำไปก่อน และห้ามบอกดุจดาวเรื่องกรรม ถ้าบอกจะเป็นการไม่ได้ใช้กรรม กึกก้องก็เชื่อ ทำตาม

                “ขออนุญาตค่ะหลวงพ่อ เราเชื่อหมอดูได้ไหมคะ”

                “หมอดูที่ดี ที่แม่นก็คงจะมี แต่ก็ไม่มีใครใหญ่เกินกรรมหรอก เค้าทายไม่ดีก็เครียด เค้าทักดีก็ฝันรอ สุดท้ายจะใช่หรือไม่ใช่ เรื่องของอนาคตก็ไม่รู้อยู่ดี ไม่ต้องพึ่งหมอดู แค่ตั้งใจทำดีไว้ จะเจอเรื่องไม่ดีก่อนก็ถือว่าได้ใช้กรรม ได้เรียนรู้แล้วกัน ใช้หมดจะได้โล่ง”

                “นิมนต์หลวงพ่อเล่าต่อค่ะ”

                ดุจดาวสับสนและกลัวหลายอย่าง แต่เธอก็พยายามไม่ซักถามอะไรกึกก้องมากนัก  หลังจากที่เจ็บปวดจากการมีปัญหาเรื่องนางพยาบาลอีกคน เธอเป็นลูกศิษย์หลวงปู่เหมือนกัน ก็พยายามใช้ธรรมะช่วยรักษาใจ เธอมารู้ตัวอีกทีว่ากึกก้องจะแต่งงานแล้วก่อนวันแต่งแค่ 7 วัน แถมรู้จากคนอื่น ดุจดาวโทรหากึกก้อง ซักความจากกึกก้อง กึกก้องก็ไม่บอกเหตุผล บอกแต่อย่างปัด ๆ ไปว่ามันเป็นสิทธิ์ของเขา แล้วก็พยายามปลอบดุจดาว เขาไม่รู้ว่าในวันที่เขาแต่งงานนั้นเอง ดุจดาวกินยาฆ่าแมลงเพื่อฆ่าตัวตาย

                วันต่อมากึกก้องได้ทราบข่าว รีบไปโรงพยาบาล หมอบอกว่าล้างท้องทัน แต่ยังไงก็ไม่รอดอยู่ดี เพราะสารเคมีเข้าไปทำลายอวัยวะภายในหมดแล้ว ดุจดาวทรมานมาก ตอนนี้ยังไม่ตาย ก็ทรมานแบบตายทั้งเป็น ทุกข์ใจอย่างเดียวไม่พอ ตอนนี้ทุกข์กายทรมานกายเพิ่มขึ้นไปอีก ที่คิดว่าจะแก้ทุกข์ ที่จริงเพิ่มทุกข์ พ่อแม่ของเธอก็เสียใจมากที่สุด พ่อแม่ที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เลยว่าทำไมลูกสาวต้องมาทำร้ายตัวเองเพื่อคนที่ไม่รัก ไม่สนใจคนที่รักเธออย่างพ่อแม่

                พราวฟ้ารอหลวงพ่อเว้นช่วงพักเหนื่อย ยกมือขอแทรกคำถามต่อ

                “หลวงพ่อคะ ถ้าคนอยากฆ่าตัวตาย หลวงพ่อมีวิธีแนะนำยังไงคะ”

                “โอ๊ย คนอยากฆ่าตัวตายน่ะมีหลายแบบ บางคนจิตจมแช่กับความมืดในใจมิด พูดอย่างไรก็ไม่รู้เรื่องกัน อันนี้ช่วยยาก แต่ถ้ายังครึ่งผีครึ่งคน ใจนึงอยากเป็นผี แต่อีกใจยังอยากเป็นคน อันนี้พอช่วยได้ แนะนำให้เขาไปทำบุญ เอาตรง ๆ เลยไปช่วยคนที่เขาอยากฆ่าตัวตายเหมือนกัน”

                “จะเอาอะไรไปช่วยคะหลวงพ่อ ถ้ารู้ทางช่วย ตัวเองก็ไม่ต้องทำ”

                “นี่ไง หลวงพ่อก็เลยแนะนำวิธีสร้างบุญ เปิดให้ตัวเองเห็นทาง หลวงพ่อเคยเป็นนะสมัยก่อน ทุกข์คิดอะไรไม่ออก ตั้งเจตนาไว้ รู้ว่าทุกข์แบบนี้มันทุกข์เหลือเกิน ไม่อยากให้คนอื่นทุกข์อย่างเดียวกัน หลวงพ่อเปิดหนังสือ ค้นอินเตอร์เนทอ่านธรรมะแหลกเลย อันไหนอ่านแล้วดี เอามาแบ่งให้คนอื่นอ่านต่อ ช่วยไปช่วยไป ทั้งที่ตัวเองก็ยังทุกข์นี่แหละ ไม่ได้ตั้งใจหวังบุญอะไรหรอกนะ แต่ทำไปเรื่อย ๆ บุญมันพอ กรรมเก่าที่ไม่ดีเบาบาง กรรมใหม่ที่เป็นบุญเพียงพอ ทุกข์ใจมันค่อย ๆ หายเลย

                “สาธุค่ะ เชิญหลวงพ่อเล่าต่อ ตกลงคุณดุจดาวตายไหมคะ”

                ผ่านไป 3 วัน ดุจดาวก็ตาย ดุจดาวที่คิดฆ่าตัวตายหนีทุกข์นั้นเข้าใจผิด เพราะถ้าเธอเลือกที่จะมีชีวิตอยู่ต่อ เธอยังมีโอกาสเรียนรู้ พ้นทุกข์ได้เพราะยังมีหลวงปู่ สามารถศึกษาธรรมะแล้วเอาไปช่วยเหลือตนเอง ยังมีโอกาสทำบุญ สร้างเหตุที่ดี แต่ตายไปแล้วด้วยผลกรรมของบาปหนักที่ฆ่าตัวตายทำให้จิตตกอยู่ในสภาวะมืดหนัก ได้แต่ทุกข์คร่ำครวญอยู่อย่างนั้นไม่มีโอกาสพ้นทุกข์อีกนาน ทุกข์บนโลกมนุษย์ยังพอมีทางแก้ทุกข์ทางอื่น หรืออย่างน้อยเป็นอย่างมากหลักปีก็ดีขึ้น แต่ฆ่าตัวตายแล้วต้องทุกข์ใช้กรรมนานเป็นหลายร้อยหลายพันปี

                หลวงปู่มาบอกภายหลังว่า ที่จริงดุจดาวก็สร้างบุญมาเยอะ ถ้าพัฒนาฝึกฝน เพียรทำทาน รักษาศีล ภาวนา ในชาตินี้แหละเธอก็จะเจอคู่บุญคู่บารมีได้

                “เดี๋ยวนะคะ หลวงพ่อ หนูขอขั้น ไม่ใช่ว่าจะได้กลับมาคู่กับกึกก้องอย่างที่หมอดูบอกหรือคะ”

                “มันก็มีสิทธิ์ มันขึ้นอยู่กับว่าผู้ชายน่ะเค้าพยายามพัฒนาตัวเองมากแค่ไหน ถ้ามีทาน ศีล ปัญญาเสมอกันเมื่อไหร่ก็โคจรกลับมาคู่กันอย่างดีได้ แต่สังสารวัฎนี่มันไม่แน่นอน เอาเป็นว่าใครทำดี และมีจิตวิญญาณอีกดวงที่เหมาะสมกันในเวลานั้น มีกรรมร่วมกัน กรรมก็จะเป็นแรงดึงดูดมารับกรรมกัน”

                “ค่ะ ๆ เชิญหลวงพ่อเล่าต่อ”

                “หลังจากเหตุการณ์ครั้งนั้น กึกก้องเสียใจมาก จึงบวช หวังว่าจะได้ทำบุญให้ดุจดาว”

                “แล้วพ่อแม่ ภรรยาเขายอมหรือคะ”

                “ไม่ยอมซี”

                “อ้าว แล้วทำยังไง”

                “ตอนนั้นก็ขอแค่จะบวชสั้น ๆ “

                “แล้วสั้นจริงไหมคะ”

                “ยาวเลยล่ะ”

                “แล้วบอกทางบ้านยังไงล่ะทีนี้”

                “พอเข้าใจธรรมมากขึ้น กึกก้องก็ไม่อยากสึกอีก ตอนบอกพ่อแม่แรก ๆ พ่อแม่เขาก็ไม่เข้าใจ แต่กึกก้องยืนยันหนักแน่น นึกภาพตอนพระพุทธเจ้าที่ยังเป็นเจ้าชายสิทธัตถะจะออกบวช  บารมีใกล้เต็มแล้ว เห็นความจริงของโลกแล้วว่ามันมีแต่ทุกข์ แต่คนอื่นยังไม่เห็น พ่อแม่ยังไม่เห็น ท่านก็ตั้งใจอย่างไรไม่หวั่นไหวที่จะฝึกตนให้ใจพ้นทุกข์พบความจริงแล้วมาช่วยคนอื่น ช่วยพ่อแม่ต่อ ตอนนี้พ่อแม่ท่านยังเป็นมิจฉาทิฎฐิ เราก็ต้องให้เวลาท่าน ต้องตั้งใจสร้างกุศลเอาบุญมาช่วยท่าน ไม่ใช่ยอมให้ท่านขวางบุญด้วยอกุศลได้สำเร็จ ก็ต้องทำใจเราให้ดี ต้องค่อย ๆ กล่อมท่านด้วยเหตุผล ด้วยใจที่เป็นกุศล ก็ไม่ได้ให้ไปดื้อด้าน แบบที่บางคนเขาทำกันคือว่าคนที่ไม่ทำบุญเข้าวัดว่าเป็นคนใจบาป แต่ตัวเองพูดด้วยความโกรธไม่รู้ตัวอย่างนั้น

สุดท้ายนะ แรก ๆ พ่อแม่ทำใจไม่ได้ก็จริง แต่ตอนหลังตามมาทำบุญที่วัดบ่อย ๆ เพราะห่วงลูกชาย ได้ทำบุญเรื่อย ๆ กลายเป็นจิตใจมีบุญ ได้หันมาสนใจศึกษาปฏิบัติธรรมตาม”

                “จบละ”

                “ยังไม่จบ จะจบได้ยังไง บอกแต่ว่ามาทางธรรมแล้ว เหมือนบอกว่าจะเดินทางแล้วนะ แต่ยังไม่บอกทางไปเลย จบได้ไง”

                “อ้าว เชิญหลวงพ่อเล่าต่อค่ะ”

                “มาเจอหลวงปู่ หลวงปู่สอนเรื่องการพิจารณาอสุภกรรมฐาน คือคนเราที่หลงรักคนอื่นนี่เพราะไม่เห็นธรรมตามจริง ไปเข้าใจว่าชายหล่อหญิงสวย ไม่ก็เห็นว่าเป็นของดี ถ้ามาพิจารณาดูดี ๆ นี่ก้อนกองขี้ชัด ๆ ทวารไหนก็เป็นแต่รูขี้ ตาก็มีขี้ตา หูก็มีขี้หู จมูกก็มีขี้มูก ปากก็มีขี้ปาก คายน้ำลายให้กินไม่มีใครกินร๊อก แม้แต่น้ำลายนางฟ้านางจักรวาล แต่ให้จูบนี่เอา เคลิ้มเลย ผิวหนังก็มีขี้ไคล รูก้น รูขับถ่ายน่ะ ก็มีแต่อุจจาระ ปัสสาวะ พิจารณาไปเรื่อย ๆ มันเลิกหลงหมดเลย เข้าใจเลยว่า ราคะ ความใคร่ กับรักนี่ไม่เหมือนกัน’

                นอกจากฝึกระงับกิเลสราคะด้วยการเจริญอสุภะแล้ว ก็ยังเจริญภาวนาพิจารณาขันธ์ 5 กายใจเป็นไตรลักษณ์ต่อเรื่อย ๆ  ขันธ์ 5 ของคนเรานี่เหมือนรถยนต์ที่เอาหลาย ๆ ชิ้นส่วนมาประกอบกันมันจึงทำงานได้

ขันธ์ 5 มี รูปกาย เวทนาความรู้สึกสุขทุกข์เฉย สัญญาความจำ สังขารความคิดความปรุงแต่ง วิญญาณการรับรู้ได้ยิน ได้เห็น ได้รู้สึก ได้สัมผัส ได้กลิ่น มันไม่เที่ยง ไอที่คิดว่ากายนี่ ตัวที่คิดไม่ใช่กาย ตัวกายจริง ๆ เขาไม่มีปาก และเขาก็ทำงานหายใจเข้าออก เจ็บป่วย เหี่ยวแก่ ตายดับไปตามสภาพ ภาวนาด้วยสมถะให้ใจหยุดวิ่งตามอารมณ์ เพื่อมีกำลังมาเจริญวิปัสสนา รู้ธรรมตามจริงที่เกิดขึ้นได้ไม่คลาดเคลื่อน ทำบ่อย ๆ จิตเห็นตามจริงบ่อย ๆ มันก็คลายความยึดขันธ์ ยึดตัวเราตัวเขา จิตใจก็เป็นอิสระ ไม่หลงขันธ์ ไม่กลับมาเกิดอีก ทุกข์จากรักอย่างหลงก็หมดไปตลอดกาล..."

                พราวฟ้ายกมือสาธุท่วมหัว รู้สึกปิติกับธรรม

                “ขอบคุณมากค่ะ หลวงพ่อ หนูจะเอาเรื่องนี้ไปถ่ายทอดต่อให้คนอื่นได้ประโยชน์”

                “เออ ที่จริงแล้ว ถ้าเธอยังไม่เห็นธรรม หลวงพ่อก็ไม่อยากให้เน้นช่วยคนมากกว่าเอาเวลามาปฏิบัติธรรมเรียนรู้ตนเองหรอกนะ เพราะสังสารวัฎมันเสี่ยง พระธรรมคำสอนแท้มันเริ่มได้ยินกันยากขึ้น ตอนนี้เวลาของพุทธศาสนาเหมือนเวลายามเย็นพระอาทิตย์จะตกแล้ว ถ้าไม่ตั้งใจ เดี๋ยวไม่ทัน ชาติหน้าไม่มีคนสอน คนบอกทาง จะต้องหลงทุกข์ไปอีกนานแสนนาน”

                “ขอบคุณหลวงพ่อมากค่ะ หนูไม่ลืมว่างานหลักของหนูคือการภาวนา ปฏิบัติธรรมค่ะ”

                “อืม ดี”

                “ว่าแต่พระกึกก้องนี่ตอนนี้ยังอยู่วัดนี้ไหมคะ”

                “อยู่ไหนก็ไม่ใช่สาระ เอาธรรมะไปใช้ให้เป็นประโยชน์ก็พอ”

                “หลวงพ่อนี่ช่วยคนที่มีทุกข์เรื่องความรักมาเยอะนะคะ”

                “เรื่องราคะนี่มีแต่ทำให้ร้อนลุ่มวุ่นวาย หาที่สุขจริงไม่ได้ หลวงพ่อทำกรรมกับผู้หญิงไว้มาก เลยต้องมาช่วยเขา

                ไปไป๋ สี่ทุ่มแล้ว ไปเดินจงกรมภาวนา หลวงพ่อก็จะไปพักละ”

                พราวฟ้ากราบลาหลวงพ่อ ถือถาดใส่น้ำฉันหลวงพ่อ ตั้งใจเอาไปเก็บในโรงครัว ที่โรงครัวเจอพระอุปฐากหลวงพ่อ และเณรน้อย พราวฟ้าถามพระอุปฐากอย่างอยากรู้ว่า

                “หลวงพี่รู้ไหมคะ ทำไมหลวงพ่อมาบวช”

                “ไม่รู้สินะ ไม่เคยถาม เคยแต่ได้ยินว่าตอนหนุ่ม ๆ หลวงพ่อหล่อมาก... แล้วก็เคยเป็นหมอ”

                พราวฟ้ายิ้มในใจอย่างรู้ หรือว่าหลวงพ่อนั่นแหละคือ กึกก้อง !

+++++++++++++++++++

                เวลาดึกสงัด ณ วัดป่า มีแต่เสียงนก เสียงสัตว์ป่าร้องและใบไม้ไหว หลวงพ่อนั่งทำสมาธิอยู่ภายในกุฏิ จิตสงบแล้ว กำหนดจิตออกไปสัมผัสกับดวงจิตของหญิงสาวคนหนึ่งในอีกภพ ภาพที่เห็นเธอผมเพ้ารุงรัง น้ำตานองหน้า ไม่มีรัศมีความสวยงาม มีแต่เพียงรังสีความทุกข์โศกมืดปกคลุม

                “ดาว..” หลวงพ่อเรียก

                หญิงสาวค่อย ๆ หันมามอง

                “ได้ยินแล้วหรือ อาตมามาเรียกโยมหลายครั้งแล้ว ”

                “ใคร”หญิงสาวถาม

                “จำเราไม่ได้หรือ ดูดี ๆ”

                หญิงสาวเพ่งพินิจดูอีกครั้ง... “พี่เก๋า” นัยน์ตาหญิงสาวเบิกกว้าง น้ำตาล้นปรี่อีกครั้ง “ทำไม ทำไม ฮือ ๆ” หญิงสาวร้องอย่างน่าสงสาร

                “อาตมาขอโทษ ตอนนี้อาตมาบวชแล้วนะ และอาตมาไม่เป็นของใครได้อีก ทั้งชาตินี้และตลอดไป กิเลสทั้งหลาย ทั้งความโกรธและความรักอย่างหลงก็หมดไป”

                “หมายความว่า พี่เก๋า...” หญิงสาวรับรู้ได้จากความรู้ที่เคยสั่งสมมาว่าสิ่งที่หลวงพ่อพูดหมายถึงอะไร ท่านได้บรรลุซึ่งอรหัตตผลแล้ว ต่อไปไม่กลับมาเกิด มาหลงทุกข์อีก

                หลวงพ่อก็รู้ได้ด้วยอำนาจจิตว่า ดุจดาวเข้าใจ “ใช่แล้ว อาตมาขออุทิศบุญที่อาตมาสั่งสมมานี้ให้แก่โยมด้วยนะ อาตมาต้องขอบคุณโยมด้วยที่เกื้อกูลมาหลายชาติ รวมทั้งในชาตินี้”

บัดนี้ความรักที่มีต่อดุจดาวเหลือเพียงความเมตตา ที่มีเสมอกันในทุกสรรพสัตว์ ไม่มีแบ่งแยก ไม่มีคนของเรา ของคนอื่น เพราะจิตเข้าใจถึงธรรมชาติแล้วว่า ทุกชีวิตไม่ต่างกัน

                วิญญาณหญิงสาวรับรู้ถึงแรงกุศลมหาศาล จิตปลาบปลื้มอนุโมทนาที่เห็นอดีตคนรักเป็นสุขพ้นทุกข์ ด้วยอานิสงส์ใหญ่ จากดวงจิตที่มีรังสีมืดมน บัดนี้ได้ส่องสว่าง รูปหญิงสาวนั้นเปลี่ยนไปเป็นหญิงสาวงดงามตามรัศมีจิต

                “เธอยังต้องใช้กรรมที่ฆ่าตัวตายอีกหลายชาตินะ จงจำไว้ ต่อไปอย่าทำเช่นนี้อีก ไม่ใช่ว่าใครก็จะช่วยเธอได้ อาตมาเองก็แผ่บุญให้เธอมาแล้วมากมายเหลือเกิน แต่เธอเพิ่งได้รับ ต้องเป็นผู้มีกำลังจิตสูงมากทีเดียวจึงจะแผ่ถึงจิตที่ห่อหุ้มด้วยอกุศลแรงกล้า”

                “ดาวดีใจกับท่านมากจริง ๆ  ท่านได้ไปถึงเป้าหมายที่ดาวตั้งใจสนับสนุนท่านมาทุกชาติ แต่ลึก ๆ ก็ว้าเหว่ ต่อไปทางนี้ต้องเดินคนเดียว”

                “ทุกคนต้องเดินคนเดียวทั้งนั้นแหละ ต่างมาพบใครแค่เพียงชั่วคราว โยมก็ไม่ได้มีกัลยาณมิตรแค่อาตมาคนเดียวหรอก เพียรสร้างกุศลไป พาตนไปอยู่ในทางไหน ก็เจอเพื่อนร่วมทางเช่นนั้น แต่ก็ไม่มีใครช่วยเราได้ตลอดเวลา และตลอดไป มีแต่ตัวเราเท่านั้นที่จะขวนขวายสร้างบารมี ทาน ศีล ภาวนา จนเต็ม ต่อไปให้มีพระธรรมเป็นที่พึ่ง อย่ามีที่พึ่งอื่นเลย

                “ค่ะ หลวงพ่อ”

                “ยังมาฟังธรรมเราได้เสมอ”

                “ค่ะ โยมขออนุโมทนา”

+++++++++++++++++++

                รุ่งเช้า พราวฟ้ามาบอกข่าวหลวงพ่อว่านพคุณตายแล้ว ประสบอุบัติเหตุทางรถยนต์เมื่อคืน จะตั้งศพที่วัดที่กรุงเทพ มานิมนต์หลวงพ่อไปร่วมสวดศพคืนสุดท้ายแทนพิม
                ในงานศพของนพคุณ พิมดูสงบสุข ภาพดูแตกต่างจากงานศพของคู่รักคู่อื่น ๆ ที่อีกฝ่ายต้องดูอมทุกข์อย่างหนัก ใคร ๆ ก็รู้ว่าคู่นพคุณและพิมวดีเป็นคู่รักตัวอย่างคู่หนึ่ง ทั้งสองเป็นคนดีทั้งคู่ ใคร ๆ เห็นต่างพากันอิจฉา และคิดว่าน่าเสียดายที่ต้องเสียคู่ดี ๆ แบบนี้ไป

"พิม เธอไม่รู้สึกอะไรบ้างหรือ ที่พี่นพเขาเสีย ดูเธอนิ่งเกินไป หรือว่าช๊อคไปแล้วที่เค้ามาด่วนจากไปกะทันหัน"

"ไม่หรอก ชั้นรู้ตั้งแต่วันที่เจอกันแล้วว่าวันหนึ่งเราจะต้องจากกัน ไม่จากเป็นก็จากตาย

ที่ผ่านมาเราใช้เวลาร่วมกันอย่างมีค่า เป็นช่วงเวลาที่ดีที่ได้เกื้อกูลกัน เราอยู่ด้วยการแบบพัฒนาเพื่อให้เกิดปัญญา ไม่ใช่เพื่อหลง มาโดยตลอด และเราก็ยังได้ร่วมกันช่วยผู้อื่น เป็นแรงบันดาลใจให้คนอื่นได้มีความสุข ได้เข้าใจธรรมะมากขึ้นมากมาย มันไม่มีเรื่องน่าเสียใจเลย ทำไมชั้นต้องร้องไห้ด้วยล่ะ"

"เออ...ก็จริงของเธอ ชั้นมัวแต่คิดว่าน่าเสียดายที่เจอรักแท้แล้วต้องสูญเสียไป มันคงน่าเศร้ามาก"

"ชั้นไม่ได้สูญเสียอะไรสักหน่อย ชั้นเกิดมาคนเดียวตั้งแต่แรก ไม่ได้เกิดมาพร้อมเขา จะบอกว่าสูญเสียคงไม่ถูก เราแค่เจอกันชั่วคราวเพื่อทำสิ่งที่ดีที่สุดให้กัน

และถ้าจะพูดถึงรักแท้ ชั้นเจอรักแท้แล้วตั้งแต่ก่อนจะเจอพี่นพอีก ความรักที่ชั้นได้จากการเกิดปัญญาเข้าใจหัวใจตัวเอง และรักตัวเองเป็นจากการฝึกตัวเองตามที่หลวงพ่อสอน แม้พี่นพจะตาย แต่ความรักและความรู้ยังอยู่ในใจฉัน ไม่ได้เปลี่ยนไป...

ทุกการพบเจอกันย่อมมีวันจาก ทำไมต้องจากกันด้วยน้ำตา ในเมื่อเรารู้แล้วว่าแก่นสารของการพบกัน และการอยู่ร่วมกันคืออะไร จะดูว่าใครประสบความสำเร็จในเรื่องอะไร แม้กระทั่งเรื่องความรัก ให้ดูตอนจบ มันจบแบบ Happy Ending ไหม มีความสุขเมื่ออยู่ร่วมกันแต่จากกันทุกข์ปางตาย หรือแม้จากกันก็ไม่ทุกข์เพราะเข้าใจความจริง และได้ใช้เวลาที่มีอย่างดีที่สุดและคุ้มค่าที่สุดแล้ว

เราแต่ละคนเหมือนนักเดินทางที่เดินมาเจอกันชั่วคราว สาระของการเจอกันไม่ใช่การเจออย่างไม่มีค่าที่เหมือนแค่คนที่เคยเดินผ่าน คุณค่าของคู่ชีวิตคือการเกื้อกูลกันให้ตนและอีกฝ่ายเติบโตได้สูงสุด”

+++++++++++++++++++

                เช้าวันถัดมา หลังพระฉันเช้าเสร็จ พราวฟ้าคลานเข่าเข้ามาหาหลวงพ่อ กราบเบญจางคประดิษฐ์สามครั้งแล้วเงยหน้าทำตาเป็นประกายบอกหลวงพ่อว่า

                “หลวงพ่อคะ หนูนึกออกแล้วว่าหนูจะทำหนังสืออะไรดี”

                “อะไรล่ะ ไหนว่ามา”

                “ชื่อหนังสือ รักแท้และคู่บารมีของพระพุทธเจ้าค่ะ หนูอยากให้คนรู้จักว่าความรักที่แท้จริงมันเป็นยังไง และจุดหมายปลายทางของความรักมันอยู่ที่ไหน ไม่ใช่หลงสุขแบบชั่วคราว แต่ให้รักตนและผู้อื่นอย่างมีจุดหมายตรงที่สิ้นทุกข์ตลอดไป “

                “อืม ดีแล้ว  ไม่มีรักใดจะบริสุทธิ์เท่าความรักของพระพุทธเจ้า ที่ทรงเสียสละ ทรงยอมทุกข์เพื่อเรียนรู้สาเหตุแห่งทุกข์ทุกอย่างเพื่อมาบอกเราให้ทำและพ้นทุกข์ได้ตาม รักของคู่บารมีท่าน ก็รักเพื่อร่วมกันช่วยผู้อื่นเท่านั้น ไม่ได้เห็นแก่กิเลสราคะ เห็นแก่ตัวเลยที่เราพ้นทุกข์เรื่องความรักได้ก็เพราะพระเมตตาจากพระพุทธเจ้า

                สาธุ อนุโมทนานะ”

                “กราบหลวงพ่อเจ้าค่ะ”

                พราวฟ้ายิ้มมีความสุข ระลึกถึงภพตะวันในใจ “ฟ้าขอให้พี่จ้า และทุก ๆ คน เห็นธรรม พบรักแท้ในใจ พ้นทุกข์ตลอดไปนะคะ”

 


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.