อดทนเรื่องเล็กเพราะความรักเป็นเรื่องใหญ่

ว่าจะเขียนบทความนี้นานแล้ว แต่ก็อู้มาเรื่อยๆ วันนี้ได้โอกาสเขียนเสียที
เป็นบทเรียนที่สำคัญอีกเรื่องหนึ่งของคนที่อยากรู้จักความรัก

ญนับได้ว่าเป็นคนหนึ่งที่เคยเอาแต่ใจมากๆมาก่อนค่ะ พยายามขัดเกลาตัวเองมาเรื่อยๆ
ครั้งหนึ่งญมีปัญหากับคุณแม่ เรื่องว่าคุณแม่ไม่อยากให้ไปปฏิบัติธรรมต่างจังหวัดไกลๆเพราะเป็นห่วง แม่พยายามยื้อหลายครั้ง โทรมาหาหลายรอบมาก ญก็ไม่ยอม เพราะรู้สึกว่าตัวเองไม่ได้ทำอะไรผิด จะไปทำสิ่งที่ดี
ญเป็นคนที่ตั้งใจตลอด ว่าถ้าคิดจะทำบุญอะไรต้องทำให้สำเร็จ ทำให้ได้ ครั้งนั้นก็เหมือนกัน ดื้อกับแม่ ไม่ยอม แต่ในขณะเดียวกันก็ไม่สบายใจ คิดว่าไปแบบแม่ไม่ยอม เราก็รู้สึกผิด ไม่รู้จะทำอย่างไรจึงโทรไปปรึกษาพี่ชายทางธรรม

พี่ชายทางธรรมบอกว่า "วิธีการทำสิ่งต่างๆมีวิธีตั้งหลากหลาย หัดทำอะไรแบบไม่ต้องหักต้องชนกับคนอื่นเป็นไหม?"
หลังจากได้ยินประโยคนั้นญก็รู้สึกสะกิดใจยังไงบอกไม่ถูก แต่หลังจากวางสายพี่ชายญก็โทรไปบอกแม่ว่า เพื่อความสบายใจของมาม้า ญไม่ไปแล้วนะ ตอนนั้นสังเกตได้ว่า ความรู้สึกไม่สบายใจของเราที่ต้องค้านกับแม่ ความทุกข์ก้อนนั้นหายไปด้วย

ในวันเดียวกันญก็ได้ไปทำบุญวัดอื่นในกรุงเทพแทน พระท่านเมตตาแนะนำญว่า "การยอมเป็นการหัดลดละอัตตานะ"
ทำให้ระลึกได้ว่าที่ผ่านมาเรามันบู๊ล้างผลาญมาก เห็นอุปสรรคเป็นสิ่งที่ต้องทำลาย ไม่เคยใช้ความเมตตา ความใจเย็นค่อยๆละลายใจคนอื่นเลย ใครๆก็รู้ว่าไม้อ่อนใช้ได้ดีกว่าไม้แข็ง แต่ชอบทำตรงข้าม

กลับกลายเป็นว่าการไม่ได้ไปวัดครั้งนั้นของญกลับทำให้ญเห็นความจริงที่ต่างไปจากความเชื่อเดิม มีผลให้ญมีความสุขขึ้นมาก

เรื่องนี้เอามาเปรียบเทียบกับปัญหาทั่วๆไปของคนอื่นได้มากมายค่ะ ไม่ว่าจะเรื่องการเมือง หรืออย่างบางคนเจอคนพูดจาไม่ดี เอาเปรียบ เรารู้สึกว่าเขาทำร้ายเรา เขาเป็นฝ่ายทำไม่ดีก่อน

เวลาที่เราทุกคนมีปัญหาขัดแย้งกัน แน่นอนมันเกิดจากความเห็นที่ต่าง บางเรื่องอาจจะมีฝ่ายหนึ่งถูกฝ่ายหนึ่งผิดจริง แต่หลายเรื่องมันก็อาจเป็นที่มองกันต่างมุม แต่ไม่ว่าจะด้วยเรื่องอะไร แม้จุดเริ่มต้น เราจะต้องการเปลี่ยนแปลงแก้ไขให้เรื่องนั้นๆดำเนินไปในเส้นทางที่ถูก แต่ถ้าวิธีการเราผิด ผลก็ออกมาต่างกันไปเลยนะ ทำให้เรื่องแย่ไปกว่าเดิมก็ได้

ถ้าเราใช้วิธีแก้ไขด้วยความโกรธ ด้วยการต่อว่า บังคับ สังเกตดีๆเถอะ มันออกมาจากกิเลส อัตตา ความไม่พอใจของเรา แม้เราจะบอกว่าอีกฝ่ายทำผิด เขาควรเป็นฝ่ายแก้ไขให้ถูก แต่เราทำด้วยความไม่ชอบ ที่จริงเราทำเพื่อให้อีกฝ่ายเปลี่ยนเพื่อเราจะได้รับผลด้วยคือ คลายทุกข์ มีความสุขขึ้นด้วยหรือเปล่า?

เปรียบเทียบกับอีกวิธีคือทำด้วยเมตตา มันไม่มีการทำเพื่อตัวเอง เป็นการทำเพื่อให้คนอื่นเห็นถูก พ้นทุกข์ มีสุข มันคือการทำด้วยใจที่สว่าง เย็น (อาจมีรอยยิ้มปนเล็กๆ) ไม่มีการเร่ง บังคับว่า ต้องเปลี่ยนเดี๋ยวนี้

สังเกตใจดูก่อนที่จะทำหรือพูดอะไรนะคะว่า ทำด้วยใจสองแบบนั้นแตกต่างกัน แบบนึงร้อน แบบนึงเย็น เห็นใจตนเองให้ทัน ไม่งั้นเราเอาความร้อนไปสาดคนอื่น ไม่เป็นผลดีกับใคร

ลองย้อนมองดูตนเองก็ได้ ถ้าเรามีปัญหากับใครที่เห็นต่าง เราเองก็รู้สึกว่าเราถูก มาเจอคนโต้ตอบด้วยความโกรธ ด่าเอาๆ กับอีกคนแสดงออกด้วยเมตตาและเหตุผล เราจะมีสิทธิ์ฟังใครมากกว่ากัน?

กลับมาเรื่องความรักคนที่รูัจักรักต้องมีความสามารถในการอดทนต่ออารมณ์โกรธ ไม่พอใจ ไม่ทำตามอัตตา ซึ่งเป็นความรักตนเองในทางที่ผิดและไม่ได้เป็นการแสดงความรักต่อผู้อื่นเลย
ชีวิตคู่เป็นเรื่องใหญ่ เราต้องรู้จักแยกแยะว่าเรื่องใดเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องใดเป็นเรื่องเล็ก อย่าเอามาเป็นเรื่องทุกเรื่อง บ้านจะเยอะ รก ร้อน อยู่ยาก
เรื่องใหญ่ในชีวิตคู่คือเรื่อง ศรัทธา ศีล จาคะ และปัญญา เท่านั้น มีเป้าหมายตรงกัน เป็นคนดี มีน้ำใจ รู้จักใช้เหตุใช้ผลคุยกันด้วยเหตุด้วยผล ไม่ใช่อารมณ์

แนะนำให้ฝึกแยกแยะว่าเราทำด้วยอัตตาหรือเมตตา และมีความอดทน ฝึกให้เป็นนิสัยนะคะ ไม่ใช่ทำดีกับใครแค่คนหนึ่งหรือบางกลุ่ม การทำเป็นนิสัยเป็นอาจิณกรรม ทำด้วยเมตตาปรารถนาให้ผู้อื่นมีความสุขได้เสมอ เราก็มีสุขได้ตลอด สร้างสุขให้ตนเองได้เสมอ ฝึกยอมจากเรื่องเล็กๆก่อนก็ได้ ตั้งใจไว้ว่าเราจะไม่ถือสาความผิดของคนอื่นที่บาบทีเค้าก็ทำด้วยความไม่รู้ ไม่ตั้งใจ ลืม ถ้ายอมเรื่องเล็กไม่ได้ ก็ปล่อยวางเรื่องใหญ่ๆยาก

ถ้าไม่ฝึกรู้ทันอารมณ์โกรธ ไม่เห็นว่า มันมาเองตามนิสัยเดิม แต่มันก็ไปเองได้ ไปตามใจมัน มันก็จะเผาใจเราให้เราทุกข์ได้เรื่อยๆ ต่อไปก็กลายเป็นคนขี้หงุดหงิด ขี้บ่น (คนขี้บ่นเพราะไม่รู้จักอดทนต่อปัญหาเหมือนกัน) ขี้โกรธ มีแต่ขี้ติดตัว ตอนโกรธหน้าก็ไม่สวยไม่หล่อ ไม่น่าเข้าใกล้ อยู่ด้วยแล้วไม่เป็นสุข จะโทษว่าคนอื่นไม่ดีไม่รักเราไม่ได้นะ มันเป็นเพราะเรายังไม่รักคนอื่น รักคนอื่นไม่เป็นเหมือนกัน

คนที่ยังมีทิฏฐิมาก มีอัตตามาก ยังไม่เหมาะที่จะมีความรักนะคะ เพราะการถืออัตตาก็คือการรักตัวเอง(แบบผิดๆ) ไม่เหมาะที่จะมีคู่เพื่อความเจริญเติบโตที่จะทำให้มีความสุขยิ่งๆขึ้น อยากมีคู่แบบไหน ให้เปลี่ยนที่ตนเองก่อน ทำให้เป็นนิสัยเป็นอาจิณกรรม เรารักคนอื่นเป็นแล้ว ให้ความรักที่บริสุทธิ์ไม่หวังสิ่งตอบแทนกับคนอื่นๆเป็นแล้ว กรรมจึงจะมีสิทธิ์ดึงดูดคนแบบเดียวกันมาเจอนะคะ ไม่งั้นก็จะเป็นอย่างที่เห็นกันอยู่ทั่วไปคือรักแบบเกี่ยงกัน เธอเปลี่ยนก่อน ถ้าเธอไม่เปลี่ยนแปลว่าไม่รักฉัน มันไม่ใช่อย่างนั้นค่ะ ความสัมพันธ์ที่ดีเกิดจากคนทั้งสองคน ตัวเราก็ต้องดีพอเหมือนกัน:)

ในอีกแง่หนึ่ง เราเจอเหตุการณ์อย่างไร แปลว่ามันเป็นกรรมเป็นเหตุที่เราสร้างมาให้ได้เจอ เราเลือกได้ว่าจะโต้ตอบด้วยกิเลส เพิ่มกรรมให้หนักขึ้น แก้ยากขึ้น ทุกข์ขึ้นก็ได้ หรือจะแก้ด้วยเมตตา ด้วยการจบเวร การจองเวร ให้มันหมดอยู่แค่นี้ หยุดกรรม คือเอาประสบการณ์ที่เจอมาเรียนรู้ว่าคนอื่นทำแบบนี้ไม่ดีนะ เราจะไม่ทำแบบนี้ เปลี่ยนนิสัยตนเองไปด้วย แบบนี้ยากกว่าเพราะต้องใช้ปัญญาถี่ถ้วน แบบแรกง่ายกว่าเพราะแค่บังคับให้เป็นอย่างใจ ไม่ต้องใช้ปัญญาหรือเหตุผลที่จะเข้าใจคนอื่นอะไร แต่ทำแล้วจะเปลี่ยนคนอื่นได้จริงไหม มีโทษอย่างไรต่อ เราก็ต้องรับไม่จบนะ:)

แต่เขียนแบบนี้ไม่ได้แปลว่าต้องอดทนทุกเรื่องนะ อย่างที่เขียนไปบางเรื่องก็เรื่องใหญ่ แนะนำลองอ่านเพิ่มเติม

http://www.sangtean.com/love/love-articles/315-love-have-to-be-patient


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.