ปรับความสัมพันธ์ จูนใจ

heart waterเปิดประเด็นไว้

“บางครั้งพูดกันเพื่อให้รู้ว่าไม่สามารถเข้าใจกัน ยังดีกว่าไม่พูดกันแล้วไม่รู้เลยว่าอีกฝ่ายคิดอะไร”

 
เคยมีคนบอกว่า ความสัมพันธ์นี่ต้องใช้ทั้งศาสตร์และศิลป์
 
ญว่าในส่วนศิลป์นี่ก็เพราะ คนเรามีความรู้สึก และมักใช้ความรู้สึกเป็นเกณฑ์ในการตัดสินใจหลายๆอย่าง
 
พูดถึงเรื่องภาวะคู่ ละก็ทำให้นึกถึงบทความนี้ “ใช่เธอ ใช่ไหมคนดี” โดย คุณประภาส ชลสวัสดิ์ ที่ได้อ่านเมื่อวันก่อน
คนที่ใช่ดูอย่างไร
http://www.facebook.com/?ref=home#!/notes/prapas-cholsaranon/%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B9%80%E0%B8%98%E0%B8%AD%E0%B9%83%E0%B8%8A%E0%B9%88%E0%B9%84%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B8%84%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%B5%E0%B9%82%E0%B8%94%E0%B8%A2%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B8%8A%E0%B8%B2%E0%B8%A5%E0%B8%B5/168195499900595

คุณดังตฤณเคยเขียนไว้
ดูอย่างไรว่าใครคือคนที่ใช่ ก็ต้องดูว่าถ้าใช่ของกันและกัน ต่างคนจะอยากปรับเข้าหากัน
ชีวิตคู่ไม่ใช่เรื่องง่ายหรอกนะคะ
เราตัวคนเดียวจะเอาตัวให้รอดในสังคมปัจจุบัน นี่ก็ยากแล้ว
มาอยู่ร่วมกัน มีคนร่วมทุกข์อีกหนึ่ง มันยิ่งยาก
แต่ก็เปลี่ยนเป็นร่วมสุขกันได้ อยู่ด้วยกันแล้วทำให้ชีวิตดีขึ้นได้ หากคนสองคน มีความสามารถที่จะอยู่ร่วมกัน และรู้ว่าจะเดินไปข้างหน้าอย่างไร
 
คนสองคนนี่อยู่ด้วยกัน อย่างน้อยต้องสื่อสารกันได้
ถ้าสื่อสารกันไม่ได้เวลาขัดแย้ง มันไม่รู้จะจบที่ตรงไหน
อย่างน้อยคุยกัน ให้รู้ว่าเราเข้ากันได้ไม่ได้ ยังดีกว่าไม่พูด พูดไม่ได้
(อย่างน้อยเอาเรื่องหลักๆที่แต่ละคนเห็นว่ามีความสำคัญในชีวิต)

ทั้งนี้ คนสองคนถ้าอยู่ด้วยกันแล้วเห็นตรงกันหมดทุกอย่างก็คงดี แต่ความเป็นจริงน่ะมันเป็นไปไม่ได้หรอก
แต่....
หาคนที่เห็นตรงกันเป็นส่วนมาก แต่ที่สำคัญมีความพร้อมที่จะปรับเพื่อความก้าวหน้าดีกว่า
ความเห็นไม่ตรงกัน ทำให้เกิดความขัดแย้งกันก็ได้ ทำให้เกิดการร่วมกันระดมสมองเพื่อก้าวหน้าไปอีกขั้นก็ได้
ที่สำคัญคือ เวลาที่มีความขัดแย้ง

1. ไม่พูดด้วยอารมณ์ สามารถสละ ละวางอารมณ์
2. มีความพร้อมเปิดใจทั้งสองฝ่าย เน้นว่าทั้งสองฝ่าย คือเปิดใจที่จะเอาใจเขามาใส่ใจเรา และแฟร์ถึงประโยชน์ของเรา(2คน) มากกว่าของใครคนใดคนหนึ่ง
3. ใช้เหตุผล
4. ถ้าไม่มีจุดร่วม ก็ต้องหาทางปรับแบบฉันครึ่งเธอครึ่ง หรือครั้งนี้ฉันยอม ครั้งหน้าเธอยอมนะ ไม่ปล่อยให้ใครรู้สึกว่า ฉันยอมเธออยู่ฝ่ายเดียว อันทำให้เกิดความรู้สึกว่าไม่เสมอกัน หรือถ้าไม่ได้เป็นเรื่องที่ต้องทำร่วมกัน ก็ต่างคนต่างยอมรับที่แต่ละคนจะมีอิสระในการเห็นต่างทำต่าง (ไม่จำเป็นว่าต้องเข้าใจตรงกัน ชอบเหมือนกันหมดทุกเรื่อง ขอไว้แต่เรื่องดีๆ ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายเดือดร้อน)
ถ้าทำได้อย่างนี้ก็จะไม่มีปัญหา ถ้าคุยกันไม่ได้ แลกเปลี่ยนกันไม่ได้ มันไม่ใช่ชีวิตคู่ หรือถ้าเห็นต่างกันหมด มีทิศทางเดินต่างกัน (ทางพุทธคือศรัทธา) ก็ให้ยอมรับว่าจากกันด้วยดี ดีกว่าอยู่กันแบบไม่ดี(สร้างสายใยแบบไม่ดีๆ)จะเดินไปข้างหน้าก็ไม่ได้ ซ้ายก็ไม่ซ้าย ขวาก็ไม่ขวาค่ะ
ไหนๆก็เขียนแล้ว ขอเขียนเสริมให้ครบ

บางคนบอกว่าพูดง่าย แต่ทำยากจัง (ได้ยินบ่อยๆ)
ทำยากแต่ไม่ได้แปลว่าทำไม่ได้นี่คะ
คนเรามีความสามารถในการฝึกและเรียนรู้ พูดในส่วนแง่คิดแล้ว ก็มีวิธีปฏิบัติมานำเสนอด้วย
จะทำได้แบบ 1-4 ตามที่กล่าวมานั้น
หัดทำทานด้วยใจสละอะไรที่รู้สึกว่าเป็นเราทั้งหลายเพื่อประโยชน์ของผู้อื่นบ่อยๆ
มีสติยับยั้งชั่งใจใช้อารมณ์โกรธ โลภ ทำร้ายใครบ่อยๆ ใจก็จะค่อยๆจูน ใช้เหตุผล มากกว่าอารมณ์เป็น
ไม่ได้พิมพ์ปาวๆนะ อยากมีความรักที่ดี เรียนรู้ธรรมะ เข้าใจธรรมชาติของสิ่งต่างๆแล้ว มันช่วยให้เราเลือกทำเลือกตัดสินใจและทำให้ชีวิตรักดีขึ้นได้จริงๆ
ก็เมื่อใจเราเย็น เรื่องข้างนอกไม่มีผลเท่าดีจากข้างในแล้วหรอกจริงไหม

บางคนถาม แล้วถ้าเราปรับแล้วอีกฝ่ายไม่ปรับล่ะ
อือ... อันนี้กลับไปเรื่องเดิมนะ ความสัมพันธ์เป็นเรื่องของคนสองคน
ถ้าเรามีจุดตั้งต้นเป็นการมีชีวิตที่ดี มีเป้าหมายที่จะก้าวหน้า
ถ้าเขาไม่ปรับ ก็แปลว่าใจเขาไม่พร้อมจะเดินกับเรา
เราเชื่อเรื่องทำดีได้ดี เหตุดีผลดี
ถ้าคิด พูด ทำต่างกัน มันมีต้นเหตุมาจากใจต่างน่ะแหละ ถ้าใจต่างมันก็ห่างออกไปเรื่อยๆ
แต่ละคนมีวิถีทางของตนเอง เราเดินทางไปก็จะไปเจอคนใหม่ๆในเส้นทางใหม่ๆดีๆที่เราเลือกเดินเอง :)

********

 

ทำใจให้เหมือนน้ำเย็นๆดับร้อน และปรับตัวอยู่ได้ในทุกภาชนะ/สถานการณ์


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.