ตามหาคนที่ "ใช่"

bedเพราะความเหงาทำให้เราอยากรู้ว่า “เรามีตัวตน” มีคนมาให้ความสำคัญ เอาใจใส่ รักในแบบที่เราเป็น เพราะความเหงาทำให้เราอยากไปครอบครองอะไรสักอย่าง อยากมีแฟน มีคนสำคัญ

แต่ละคนก็ไขว่คว้ากันไปหาคนที่ “ใช่” ของตัวเอง
โดยไม่รู้ว่าที่จริงแล้ว คนที่ “ใช่” สำหรับเราจริงๆมันเป็นอย่างไร
บางคน เจอถูกใจปุ๊บ ก็ “คนนี้แหละใช่เลย คนนี้มาแรง สัญชาตญาณบอก >_
บางคนก็อาจมีภาพในใจไว้แล้ว “ต้องสวย” “ไม่ต้องหล่อแต่ขอให้ดูดี” “ขอคนอบอุ่นจริงใจ” “ขอแม่ของลูก” “ขอคนหุ่นเอ๊กซ์ๆ(เอาไว้ทำอะไรน่ะ-_-“)” และอื่นๆมากมาย จงเติมคำในช่องว่าง…… :)

ที่อยากมีแฟนสวยก็เพราะเชื่อว่าจะมีความสุข
ที่อยากมีแฟนดูดีก็เพราะเชื่อว่าจะมีความสุข
ที่อยากมีแฟนอบอุ่นจริงใจก็เพราะเชื่อว่าจะมีความสุข
ที่อยากมีแม่ของลูกก็เพราะเชื่อว่าจะมีความสุข
ที่อยากมีแฟนเอ๊กซ์ก็แพราะเชื่อว่ามีแล้วจะมีความสุข

แต่ละคนสร้างภาพขึ้นมาในใจว่าได้แบบนั้นจะดี มีแบบนี้แล้วจะมีความสุข
แล้วก็ไขว่คว้าหาคนแบบนั้น วิ่งตามเหยื่อที่ตัวเองสร้างและกำหนดไว้ในใจ

พอเจอเหยื่อแบบนี้เราก็กระโจนเข้าไปหา ติดหลุมพรางที่ตัวเองขุด
แต่พอตกเข้าไปอยู่ในหลุมแล้วก็จะได้พบความจริงว่า
ที่เชื่อ กับที่ใช่ น่ะ ที่จริงมันเป็นสิ่งเดียวกันหรือเปล่า:)

ถามตัวเองอีกสักครั้งว่า ที่อยากมีความรัก อยากมีคนรักเนี่ย เพราะอยากมีความสุขใช่ไหม?
แล้วทำอย่างไรจึงให้ได้มาล่ะ?

ก่อนอื่นต้องเข้าใจก่อนนะว่าความสุขของคนเรามันมีสองแบบ

แบบที่หนึ่งคือ สุขจากการได้มี ได้เป็น แบบที่เสริมความมั่นใจในตัวเอง(ตามความเชื่อ) ขอเรียกแบบนี้ว่า ความสุขแบบตีกรอบเอง แต่ละคนมีกรอบของตัวเอง กรอบเราในเบางเรื่องก็อาจจะเหมือนหรือต่างกับคนอื่น

แบบที่สองคือ ความสุขที่เป็นความสุขจริงๆ

แบบแรก ยกตัวอย่างเช่น ฉันชอบใส่กระโปรงมากกว่ากางเกง เพราะใส่แล้วมั่นใจ พอใส่แล้วมั่นใจว่าตัวเองสวย ก็ทำให้เดินอย่างเฉิดฉาย ถ้าวันหนึ่งใส่กางเกงแล้วมีคนบอกว่า ดูดีนะ ดูดีกว่าใส่กระโปรงอีก เราก็ยังเก้ๆกังๆ ส่องกระจกไป พินิจไปว่า จริงเหรอ จริงง่ะ (ประมาณว่าความมั่นใจเริ่มสั่นคลอน) เพราะที่อยากสวยเนี่ยก็อยากสวยในสายตาคนอื่นมองนั่นแหละ แต่ที่ผ่านมาเรามั่นใจเพราะเราเชื่อว่าใส่แบบนี้แล้วสวย

ไม่ได้บอกว่าความสุขแบบแรกเป็นของปลอมๆไปซะหมดนะ มันเป็นไปได้ที่เราจะเชื่อถูกแล้ว ถ้าเรารู้จักตนเองดี เรื่องความชอบส่วนตัวมันแค่เป็นการยกตัวอย่างแบบเบเบที่เห็นได้ง่าย ความชอบส่วนตัวในเรื่องรสนิยม ถ้ามันไม่เดือดร้อนใคร เราจะมั่นใจ แล้วก็จะมีความสุขในแบบของเราก็ทำไปเถอะ ไม่จำเป็นต้องแบกสายตา หรือคำวิจารณ์ของใครให้หนัก

แต่ถ้ากลับมาเป็นเรื่องการเลือกคู่ เราอาจต้องคิดให้ละเอียดขึ้น เพราะอะไรน่ะเหรอ ก็เพราะว่า เราอาจต้องทนอยู่กับสิ่งที่เราเลือกแล้วไปด้วยตลอดชีวิต และไม่ได้จะเปลี่ยนได้ง่ายๆน่ะสิ ถ้าเลือกผิดมันก็แก้ได้ แต่อาจต้องใช้เวลานานขึ้นอยู่กับปมที่เราผูกไว้ และอีกอย่างคือมันสำคัญเพราะ คนที่เป็นคู่ คือคนที่เราจะต้องเดินร่วมทางชีวิตกันไป ถ้าไม่ใช่แล้วก็อยู่ด้วยกันแบบไม่มีความสุข และสำหรับคนที่มีเป้าหมายในชีวิต ถ้าเลือกคู่ผิด ก็มีผลกับการเดินไปถึงหรือไม่ถึงเป้าหมายที่ตัวเองตั้งไว้ หรือช้าเร็วแตกต่างกันทีเดียว

ดังนั้น ลองคิดทบทวนแผนการเลือกของเราดีๆ เช่น เราอยากมีแฟนสวย ฉลาด ชาติตระกูลดี เพราะรู้สึกว่า คบแล้วมั่นใจ พอมั่นใจมีความสุข เรามองแค่นั้น มองแค่ภาพที่เราสร้างไว้คร่าวๆ เป็นเหยื่อให้เราเข้าไปหา แต่ถึงเวลา ในคนสวย ฉลาด ชาติตระกูลดีเนี่ย มันยังมีปัจจัยอื่นๆอีก เช่น บางคนเรียบร้อย บางคนเอาแต่ใจ บางคนบ้างาน บางคนจู้จี้ บางคนชอบเที่ยว บางคนชอบเข้าวัด คนเรามีส่วนประกอบในการเป็นตัวเขาได้ตั้งร้อยแปดพันประการ พออยู่ๆไปเราจึงมาพบภายหลังว่าที่เราชอบตรงนั้น กับข้อเสียตรงนี้ มันหักล้างกันไม่ได้นี่ อยู่ไปไม่เห็นมีความสุขเลย

เพราะฉะนั้นสิ่งที่เราจะต้องทำก็คือ หาให้ได้ว่าอะไรคือ ความสุขที่แท้จริงของเรา?
ถ้าเราหาตัวเองเจอ เข้าใจตนเองจริงๆ เราก็จะมีสุขแบบที่สองคือแบบจริงๆได้
แล้วเราก็จะวิ่งหาเหยื่อที่ถูกต้อง^^ (แบบที่หนึ่งและแบบที่สองก็มารวมกันได้)


ถามว่าแล้วเราจะรู้ได้ไง คำตอบก็คือต้องลองลงมือเรียนรู้ด้วยตัวเองค่ะ ว่าตัวเองเหมาะกับคนแบบไหน อยู่กับคนแบบไหนแล้วจะมีความสุข

ขอเสริมในเรื่องของการมีเป้าหมายในการดำเนินชีวิต คนเราหากไม่มีเป้าหมายก็ยากที่จะรู้ว่าตนเองอยู่ ณ ตรงจุดไหน จะดำเนินชีวิตไปในทิศทางใด เหมือนพายเรือวนในอ่าง เป้าหมายชีวิตจะเป็นจุดที่ทำให้เราเห็นความก้าวหน้าในตัวเอง และความก้าวหน้าก็เป็นสิ่งที่เราทุกคนพึงมีในการเดินทาง เพราะถ้าไม่ก้าวหน้า ก็คืออยู่ที่เดิมไปเรื่อยๆ หรือแย่ลง เท่ากับชีวิตไม่มีอะไรดีขึ้น การเดินทางไม่มีประโยชน์เลย:)

ในเรื่องของคู่ครอง พระพุทธองค์ท่านก็ทรงตรัสไว้ว่า หากต้องการจะมีคู่ที่อยู่กันได้ตลอดไปทั้งในชาตินี้ และจะได้เจอกันอีกในชาติหน้า ก็ต้องมีความสมกันสี่อย่างคือ มีศรัทธา ศีล จาคะ(การให้) และปัญญาเสมอกัน (หาอ่านในบล๊อคเก่าๆแล้วกันนะคะ พูดถึงบ่อยแล้ว เดี๋ยวเจ้าเก่าจะเบื่อ^^)

พี่ชายสอนว่า เราต้องมีเป้าหมาย ไม่งั้นเราจะไม่มีทิศทางในการเดิน และการเลือกคู่ ข้อแรกที่สำคัญเลยเราก็ต้องรู้ว่าตัวเองมีเป้าหมายอะไร และคนที่จะมาอยู่ร่วมกันกับเรานั้นนำพาเราไปสู่เป้าหมายนั้น หรือเดินไปพร้อมๆกันเพื่อไปถึงเป้าหมายนั้นได้หรือเปล่า ถ้าข้อแรกไม่ผ่านก็จบกัน คือถ้ามีเป้าหมายไม่ตรงกัน คือใจเราไปคนละทิศแล้ว มันเป็นชีวิตคู่ไม่ได้ เพราะใจเราแยกกันเดิน รูปแบบการคิดการตัดสินใจเรื่องต่างๆในชีวิตจะไม่ลงรอยกันด้วยดี

แต่ถ้าเป้าหมายตรงกันแล้ว ข้อแรกผ่าน เราก็ต้องมาดูข้ออื่นๆตามมาคือ มีศีล จาคะ และปัญญา เสมอกัน พอที่จะเดินไปพร้อมๆกันเพื่อเกื้อหนุนกัน สนับสนุนกันได้ดีหรือเปล่า เพื่อให้เรามีคู่ที่อยู่ด้วยกันแล้วเรามั่นใจที่จำเดินไปข้างหน้าเพื่อให้ถึงเป้าหมายอย่างมีความสุขด้วย(เน้นว่ามีความสุขอีกครั้ง^^) ในการจะเลือกคนอื่น เราก็ต้องมารู้จักตนเอง

ขั้นแรกก็คือเราต้องรู้จักตนเองก่อนว่า ตอนนี้เราแสวงหาอะไรอยู่ (ดูจากประวัติเดิมๆที่แล้วมาก็ได้)

เช่น จะเลือกดูใครแต่ละครั้งก็เลือกที่หน้าตา ที่นิสัยเฮฮาคุยสนุก หรืออะไร

แล้วข้อถัดมา ให้มองดูตนเองให้ชัดขึ้นอีกว่า เราเข้าใจตนเองดีแค่ไหนว่าอะไรที่เหมาะกับเรา

ในข้อนี้ พี่ชายสอนว่า เพราะเราอยู่ภายใต้กฎแห่งกรรม ที่จริงเราเจอใครในเวลาไหนแล้วถูกใจกันในเบื้องต้น จนมาติดหลุมได้เนี่ย ก็เพราะเราเหมาะสมกับคนแบบนั้นอยู่แล้ว คือสมด้วยกรรมจึงอยู่ด้วยกันได้ (เหยื่อที่เราสร้างไว้มันเป็นเปลือกที่ทำให้เรามาติดกับของข้างใน ที่จริงๆแล้วคือตัววัดว่าเราจะอยู่ร่วมกันแบบไหน) แต่สมเนี่ย มันมีสมแบบสมสุขตามเหตุที่เราทำมา กับสมทุกข์แบบที่เราทำมาน่ะสิ
ดังนั้น เราก็ต้องย้อนไปสู่จุดมุ่งหมายของเราว่า ที่อยากมีความรัก มีคนรักก็เพราะอยากมีความสุข แล้วที่อยู่ตอนนี้มันสุข หรือทุกข์ ถ้าสุขก็โอเคจบ ถ้าทุกข์ก็แปลว่า….. แปลว่า เรายังทำตัวไม่ดีพอที่จะมีคนที่อยู่แบบเหมาะสมแบบสุขน่ะสิ ^^”

ในขั้นนี้ใครไม่เชื่อเรื่องกฎแห่งกรรมก็ขอให้ลองพิสูจน์ดู ถ้าใครเชื่อก็ลองมาเปลี่ยนตัวเองดูง่ายๆแค่เข้าใจก่อนว่ามีใครมาทำแบบนี้ เราไม่ชอบ เราเป็นทุกข์ ที่เราเจอแบบนี้เป็นเพราะกฎแห่งกรรมที่เราทำมา เราก็เรียนรู้ แล้วก็อย่าไปทำให้ใครทุกข์แบบนี้อีก (ให้อภัยเขาด้วยนะ เพราะเขามาทำกับเราแบบที่เราเคยไปทำคนอื่นมานั่นแหละ) แล้วเราอยากได้แฟนแบบที่อยู่ด้วยกันแล้ว มีความสุขใช่ไหม ก็ไปให้ความสุขคนอื่นๆแบบนี้ ไปช่วยคนให้เขาเข้าใจความรักและมีความสุขในความรักมากขึ้น เท่านี้ก็เดินตามกฎแห่งกรรมแล้ว “หยุดเหตุที่ไม่ดีให้ต้องไปรับผลอย่างนี้อีก สร้างเหตุที่ดีให้เหตุถึงพร้อมแล้วเราก็จะได้รับความสุข”

สรุปทั้งหมดทั้งมวลคือ เราต้องรู้จักตนเอง ณ ขณะนั้นว่าเราหลงติดกับอะไรอยู่หรือเปล่า

ถ้าเราใช้ตรรกะในการเลือกแบบเดิมๆ เราก็จะพบแต่กับอะไรแบบเดิมๆ วงจรเดิมๆไม่เปลี่ยน แต่ถ้าเรารู้จักตนเอง รู้ว่าคนแบบไหนที่เหมาะสมกับเรา เลือกเป้าหมายในการเลือกที่ถูก พิจารณาจากเป้าหมายเป็นหลัก รู้ว่าคนแบบไหนที่จะนำเราไปสู่จุดหมายอย่างมีความสุข ต่อมาก็คือ รู้จักกฎความจริง แล้วค่อยๆเรียนรู้ ค่อยๆปรับ สร้างเหตุที่ดี เราก็จะมีคนที่เหมาะสมกันในทางที่ดีขึ้นเรื่อยๆ มีความสุข ร่วมทางไปยังเป้าหมายที่เราต้องการ^^


ติดตามอ่านเพิ่มเติม ได้ในหนังสือ “คู่มือความรัก” เร็วๆนี้


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.