ยิ่งเปลี่ยน ยิ่งสุข

ข้อดีของงาน ญ อย่างหนึ่งที่ชอบมากๆก็คือการได้ออกไปพบปะผู้คนและได้ฟังมุมมองใหม่ๆ แต่ ญ มักจะชอบคุยกับคนที่เป็นผู้ใหญ่กว่าและเป็นผู้บริหาร เพราะอยากรู้ว่าเค้าเดินไปถึงจุดนั้นยังไง เค้าบริหารคนยังไง แก้ปัญหางานต่างๆ ยังไง

 

เมื่อวันก่อน ญ ได้มีโอกาสคุยกับลูกค้าคนหนึ่ง เค้าตัดสินใจลาออกจากงานที่มั่นคงและทำมานาน เพื่อย้ายไปสู่งานที่เค้าคิดว่าท้าทายกว่า ก้าวหน้ากว่า แต่จะต้องไปประจำอยู่ที่ต่างประเทศเป็นหลัก ญ ถามเค้าว่าแล้วไม่ห่วงครอบครัว ห่วงภรรยาเหรอ เค้าบอกว่าเค้าคุยกับภรรยาของเขาแล้ว แล้วเค้าก็ตัดสินใจ เขายอมรับว่าการต้องไปทำงานไกลๆไม่ดีนัก แต่บริษัทอนุญาตให้เขากลับมาเมืองไทยได้เดือนละสองครั้งโดยออกค่าใช้จ่ายในการเดินทางให้ทั้งหมด เค้ารู้ว่าการเปลี่ยนงานครั้งนี้จะทำให้เขาสูญเสียอะไรบางอย่าง แต่เค้าเสียไปหนึ่งอย่าง ได้มาสามอย่างมันก็คุ้มกัน เวลาที่เราจะได้อะไรสักอย่าง เราก็ต้องมีการแลกเปลี่ยนคือเสียอะไรไปอยู่แล้ว มันไม่มีทางที่เราจะได้ทุกอย่าง เก็บอะไรไว้ได้ทุกอย่างหรอก

  

หลังๆ เมื่อ ญ มีเป้าหมายในชีวิตที่การก้าวหน้า มุมมองหลายๆอย่างในชีวิตของญเปลี่ยนไปค่ะ มีคนเคยบอกว่า การเปลี่ยนแปลงและความมั่นคงไม่ใช่คำตรงข้ามกัน” เมื่อก่อน ญ เป็นคนที่กลัวการเปลี่ยนแปลง (แบบไม่มีเหตุผลเอาซะเลย) เรื่องบางเรื่อง คิดว่าหลายๆคนก็อาจจะเป็นกัน แม้ว่าทุกข์แต่ก็ยังกลัวจะเปลี่ยน หลายคนมาปรึกษา ญ บอกว่า อยู่กับแฟนแล้วเขาทุกข์ใจมาก แต่ไม่รู้จะทำอย่างไร ก็ในเมื่อเราเปลี่ยนเขาไม่ได้ เราก็ต้องเปลี่ยนตัวเองใช่ไหม ในเมื่อเห็นว่าทุกข์อยู่แล้วเราก็ต้องหาทางพ้นทุกข์สิจริงไหม ที่จริง ญ อยากแนะนำไปตรงๆว่าถ้ารักตัวเองเป็นแล้ว ก็จะรู้เองว่าควรรักคนเช่นไร”  แต่พูดไม่ได้ เพราะรู้ว่าที่เขาไม่เห็น ญ เองก็เคยเป็นมาก่อน เพราะกรรมมันยังบังตาอยู่  แต่มันก็ไม่ใช่ไม่มีทางแก้ซะทีเดียวหรอกนะ

 

หลายๆ คนมีปัญหาไม่กล้าเปลี่ยนแปลง ปฏิเสธความทุกข์ ทั้งที่ในบางครั้งความกล้าคิดกล้าลองนั้นอาจนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า และเราสามารถได้บทเรียนทุกครั้งจากการเรียนรู้ ไม่ว่าจะเป็นรู้ผิดหรือรู้ถูก และบางทีความทุกข์ก็เป็นอาการคิดไปเอง รู้สึกไปเอง ที่จริงเราไม่ได้สูญเสียอะไรหรอก ทุกอย่างเป็นต้นทุนของความสำเร็จที่สูงขึ้นๆ ต่างหาก


ยกตัวอย่างที่เห็นภาพได้ง่ายในเรื่องการทำธุรกิจ จะเอาของมาขายมันก็ต้องมีการจ่ายเงินซื้อวัตถุดิบ จ้างคน จ่ายค่าขนส่ง และอื่นๆ อยากขยายโรงงานเราก็ต้องขายที่เก่าซื้อที่ใหม่ เครื่องจักรไม่ทันสมัย เล็กไปเราก็ต้องเปลี่ยนให้เหมาะสมกับการเติบโต จะบอกว่าเราเสียเงินไปก็ไม่ได้ใช่ไหมคะ เพราะมันคือต้นทุนต่างหาก ถึงแม้ในกระบวนการผลิต หากมีการผิดพลาด ผลิตของเสีย เมื่อเราเรียนรู้ว่ามันเกิดมาจากสาเหตุอะไรได้ มันก็เป็นต้นทุนของการเรียนรู้ที่ช่วยให้เราผลิตของได้มีคุณภาพมากขึ้น (แต่คนส่วนใหญ่เมื่อเอามาเปรียบเทียบกับชีวิตจริง ก็เหมือนจะเอาเวลาไปคร่ำครวญเสียมากกว่า)

 

ก็ถ้าทุกอย่างต้องเปลี่ยนไปหมด จะเรียกว่าเรามีอยู่อะไรอยู่จริงก็ไม่ได้หรอก มันเป็นปัจจัยไปสู่อีกสิ่งมากกว่า มันเป็นเรื่องของเหตุปัจจัยจากสิ่งหนึ่งไปสู่อีกสิ่งมากกว่า ทำนองเดียวกับที่มีคนเคยบอกว่าเมื่อประตูบานหนึ่งปิด ประตูอีกบานก็จะเปิดขึ้น แต่คนส่วนใหญ่จะไม่ยอม จะรั้งประตูบานเดิมไว้ไม่ยอมออกมาจากห้อง :มันก็แค่ถึงเวลาต้องย้ายที่ ถ้าจะพูดเรื่องความก้าวหน้ามันต้องมีการเปลี่ยนแปลงอยู่แล้ว พี่ชายเคยบอกว่า ถ้าอะไรทุกอย่างมันเหมือนเดิมหมด ฉากเดิมวิวเดิม แปลว่าเราไม่ได้เดินไปไหนเลยนะ อยู่ที่เดิม :D

 

ครั้งหนึ่งเคยถกกับพี่ชายเรื่องคิดนอกกรอบคิดติดกรอบ ญเห็นว่าการติดกรอบก็คือการติดกรรมที่เราทำไว้ (ถ้าใครเคยอ่านหนังสือเหตุเกิดจากความรัก http://issuu.com/gwync/docs/love_whole_book_page จะเข้าใจเรื่องนี้ง่ายขึ้น) มันคือคำว่าอัตตาในทางพุทธ คือเชื่อว่าต้องทำอย่างนั้น เชื่อว่าเราต้องทำอย่างนี้ พี่ชายบอกว่า ปัญหามันคือการไม่เห็นว่าเราติดอะไรอยู่  คือเชื่อว่าความรู้สึกนี้ ความคิดนี้เป็นของเรา ไม่ทำแล้วทุกข์ ต้องทำแบบนี้ไม่งั้นจะทุกข์ 

 

บางทีเราก็มัวแต่มองและยึดว่าของชิ้นนี้ของเรา คนๆนี้ของเรา ความคิดนี้ของเรา เราต้องรักษาไว้ โดยไม่ได้ทำอะไรให้มันงอกเงย เหมือนคนสมัยก่อนเอาเงินเอาทองไปฝังดิน ไม่ได้ทำอะไรให้มันงอกเงย ญ ถึงพยายามเน้นบ่อยๆว่า มันสำคัญมากกว่าว่าเราเรียนรู้ออะไรจากสิ่งที่เข้ามาในชิวิต ถ้าคนที่เขาเคยเดินอยู่ข้างเรา หรือกำลังเดินอยู่ เขาไม่อยากเดินกับเราแล้ว เขาจะหยุด เขาจะไปอีกทาง เราจะบีบบังคับให้เขามามีความสุขแบบที่เราต้องการด้วยวิธีที่มันจะทำให้เขาทุกข์เพื่ออะไร หรือเราไม่มีเป้าหมายของตนเอง มัวแต่ไปยื้อยุดไว้ มันก็มีแต่ทุกข์ แทนที่จะเรียนรู้และก้าวหน้าเพื่อความสุขที่มากกว่า

 

ญ ว่าสิ่งที่ดีที่สุดในการพบใครคนหนึ่ง ไม่ใช่ความรักหรืออะไรที่อีกฝ่ายมอบให้ แต่คือบทเรียนที่จะช่วยให้เราเติบโตและมีชีวิตที่ดีขึ้น เพราะคนที่จะต้องอยู่กับเราตลอด 24 ชั่วโมงไปจนชั่วชีวิตจริงๆก็คือตัวเราเอง  คนอื่นตายจากกันแล้วก็เป็นอื่นไปหมด  ถ้าเราไม่ได้เรียนรู้อะไรเลย มีแต่เสพสุขจมทุกข์ไปวันๆ คนรักจะมีค่าแตกต่างจากคนแปลกหน้าที่เดินผ่านมาแล้วผ่านไปที่ตรงไหน 

 

ในชีวิตของคนเรา ตอนเรียนในหลักสูตร เรายังมีเกณฑ์ข้อสอบและการเลื่อนชั้นมาวัดว่าเราโตไปถึงขั้นไหน แต่พอมาใช้ชีวิตจริงๆ มันเหมือนจะไม่มีเกณฑ์อะไรมาวัดเราที่ชัดเจน แต่มันไม่ได้หมายความว่าเราต้องหยุดโตนะ ถามว่าสอบผ่านแล้วได้อะไร โตขึ้นแล้วได้อะไร พี่ชายชอบเปรียบเทียบเรื่องนี้กับญบ่อยๆค่ะ สอบผ่านแล้วคือไม่ต้องมาหลงทุกข์เรื่องเดิมซ้ำๆซากๆ อีกไง

 

ดังนั้นยิ่งเปลี่ยนแปลง ยิ่งก้าวหน้าในการแก้ปัญหา ในการเห็นปัญหา ในทางจิตใจเท่าไหร่ เรายิ่งมีความสุขมากขึ้นเท่านั้น :)

 

พูดในเรื่องความรัก ยิ่งเรานำข้อผิดพลาดมาสอนให้เรารู้จักรักมากขึ้นเท่าไหร่ เลือกคนที่ใช่เป็นมากขึ้นเท่าไหร่ เรายิ่งมีความสุขมากขึ้น  จริงไหมล่ะ :)

ในระหว่างเดินทาง จะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยน หรือจะเปลี่ยนตนเองไปในทางไหน เราเลือกเองล้วนๆ


 © Copyright 2011. เหตุเกิดจากความรัก.